กรมชลฯ แจงค่าความเค็มเจ้าพระยาไม่กระทบผลิตประปา

กรุงเทพฯ  2  ก.พ. – นายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน ชี้แจงกรณีการนำเสนอข่าวค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้นเร็วกว่าปกติ เนื่องจากการปล่อยน้ำจากเขื่อนมาดันน้ำทะเลค่อนข้างน้อย  ว่า ตั้งแต่ปากแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นมาจนถึงบริเวณสะพานพระปิ่นเกล้าที่มีค่าความเค็มสูงเกิน 1.5 กรัมต่อลิตร โดยสภาพทั่วไปของแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณนี้จะมีค่าความเค็มสูงเป็นประจำทุกปีในช่วงฤดูแล้ง เนื่องจากเป็นช่วงที่ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีอัตราการไหลไม่มาก


ทั้งนี้  จากการตรวจวัดค่าความเค็มที่สถานีตรวจวัดที่โรงพยาบาลศิริราช พบว่าช่วงที่น้ำทะเลหนุนสูงของเดือนมกราคม 2560 มีค่าความเค็มสูงสุด 1.50 กรัมต่อลิตร ขณะที่ช่วงน้ำทะเลหนุนสูงของเดือนมกราคมปี 2559 มีค่าความเค็มสูงสุดถึง 3.29 กรัมต่อลิตร มากกว่าปี 2560 กว่า 2 เท่า ส่วนที่มีความกังวลว่าน้ำเค็มจะเข้าไปทำให้พืชต่าง ๆ เสียหายนั้น ในช่วงฤดูแล้งทุกปีประตูระบายน้ำตามคลองต่าง ๆ ทุกคลองที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่บริเวณปากแม่น้ำจนถึงจังหวัดปทุมธานีจะปิดประตูระบายน้ำเพื่อกั้นน้ำเค็มไม่ให้รุกล้ำเข้าไปทำความเสียหายแก่พืชต่าง ๆ ได้

อย่างไรก็ตาม การควบคุมความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาจะอยู่ที่สถานีสูบน้ำดิบสำแล ตำบลสำแล อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี โดยควบคุมค่าความเค็มไม่ให้เกินเกณฑ์เฝ้าระวังที่ 0.25 กรัมต่อลิตร(น้ำที่ใช้ในการผลิตประปามีค่าความเค็มได้ไม่เกิน 0.50 กรัมต่อลิตร) ปัจจุบัน (1 ก.พ. 60) วัดค่าความเค็มบริเวณดังกล่าวได้ 0.18 กรัมต่อลิตร ไม่เกินเกณฑ์เฝ้าระวังที่กำหนด จึงไม่มีผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปาแต่อย่างใด


รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า กรมชลประทานมีมาตรการควบคุมค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณสถานีสูบน้ำดิบสำแลไม่ให้สูงขึ้นจนเกินค่ามาตรฐานการผลิตน้ำประปา โดยจะควบคุมให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านบริเวณอำเภอบางไทร ในอัตรา 80 – 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้ค่าความเค็มบริเวณปากคลองสำแลไม่เกินเกณฑ์มาตรฐานในการผลิตน้ำประปา โดยที่ผ่านมาในช่วงเดือนมกราคมจนถึงปัจจุบันบริเวณอำเภอบางไทรมีปริมาณน้ำไหลผ่านในอัตรา 91 – 117 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็นไปตามเกณฑ์ที่กรมชลประทานกำหนดไว้ ทั้งนี้ ได้มีการตรวจวัดค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำท่าจีน เป็นประจำทุกวันอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำข้อมูลค่าความเค็มไปวิเคราะห์ ประกอบการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา เพื่อให้ระบบผลิตน้ำประปาของการประปานครหลวง (กปน.)มีคุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐานและได้รับความความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคและทุกภาคส่วนในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เชียงใหม่อากาศแปรปรวน เจอลมหนาว-ฝนตก 3 วันติด

ชาวเชียงใหม่เจอลมหนาวและฝนตกต่อเนื่อง 3 วันติด อุตุฯ ย้ำอากาศแปรปรวน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย ยังมีฝนตกและลมหนาว แนะรักษาสุขภาพ

“อัจฉริยะ” ยื่นสอบปม “ทนายตั้ม” ปูดข่าวผู้บริหารปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ

“อัจฉริยะ” ยื่นหนังสือตรวจสอบข้าราชการช่วยผู้บริหารรัฐวิสาหกิจปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ คาดอาจมีทนายดังเข้าไปเอี่ยว เสนอตำรวจให้สอบพยานรายสำคัญที่เป็นประโยชน์กับ “มาดามอ้อย”

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊ก บช.ก. สอบปากคำ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊กสอบสวนกลาง สอบปากคำ นานกว่า 5 ชั่วโมง ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมเข้าค้น “ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม” เช้าพรุ่งนี้ หาหลักฐานเพิ่ม ก่อนฝากขังช่วงบ่าย ค้านประกันตัว

“บิ๊กอ้อ” เผย “ทนายตั้ม-ภรรยา” มีพฤติการณ์หนี-ยุ่งเหยิงพยานฯ

“บิ๊กอ้อ” ชี้ตำรวจต้องออกหมายจับ “ทนายตั้ม” เหตุพบพฤติการณ์เตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ และยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน นอกจากนี้ยังมีคดีต่อเนื่อง 3 คดี เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่ม

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นตอนเช้า-ภาคใต้ฝนหนัก

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นในตอนเช้า เตือนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง พร้อมอัปเดตเส้นทางพายุ “หยินซิ่ง”

MOU44

MOU 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง ตอนที่ 1

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องเอ็มโอยู 44 และเส้นแบ่งอาณาเขตทางทะเล หรือเส้นเคลม กลายเป็นปมร้อน ท่ามกลางความกังวลถึงผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และสิทธิเหนือเกาะกูด ติดตามความเห็นและมุมมองจากผู้เกี่ยวข้องในรายงาน “ปมร้อน เอ็มโอยู 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง”

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” สร้างตัวตนผ่านสื่อ หวังหาผลประโยชน์หรือไม่

หลังจากพนักงานสอบสวนควบคุมตัว “ทนายตั้ม” และภรรยา เข้าเรือนจำไปแล้ว มีคำถามตามมาว่า ทนายคนดังสร้างตัวตนจนโดดเด่นในสังคม เพื่อหาผลประโยชน์จากความน่าเชื่อถือที่สร้างไว้หรือไม่

ระเบิดปากีสถาน

ยอดเสียชีวิตจากเหตุระเบิดสถานีรถไฟปากีสถานเพิ่มเป็น 24 รายแล้ว

เหตุระเบิดสถานีรถไฟในเมืองเควตตา ทางตะวันตกเฉียงใต้ของปากีสถาน ตายเพิ่มเป็นอย่างน้อย 24 ราย บาดเจ็ดมากกว่า 40 ราย