ศาลปกครอง วันนี้ ( 14 ต.ค.) “สุชาติ สวัสดิ์ศรี” ฟ้อง กวช.ถอดถอนศิลปินแห่งชาติไม่ชอบด้วยกฎหมาย พร้อมให้กระทรวงวัฒนธรรมเรียกค่าเสียหายละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ 1.12 ล้านบาท
นายสุชาติ สวัสดิ์ศรี หรือ สิงห์สนามหลวง อดีตศิลปินแห่งชาติ สาขา วรรณศิลป์ พ.ศ.2554 พร้อมด้วยนายสุรชัย ตรงงาม ทนายความ จากภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน เดินทางมายื่นฟ้องคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (กวช.) และ กระทรวงวัฒนธรรม ต่อศาลปกครอง หลัง กวช.มีมติยกเลิกการยกย่องเชิดชูเกียรติการเป็นศิลปินแห่งชาติของนายสุชาติ สวัสดิ์ศรี เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2564 โดยอ้างเหตุโพสต์ข้อความที่มีถ้อยคำหรือภาพที่หมิ่นเหม่ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ในสื่อสังคมออนไลน์เป็นประจำ อันเป็นพฤติกรรมที่ขัดต่อวัฒนธรรมไทยและเสื่อมเสียต่อการเป็นศิลปินแห่งชาติ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่เป็นธรรม
ในการฟ้องครั้งนี้นายสุชาติ ได้ร้องขอให้ศาลพิจารณาเพิกถอนมติดังกล่าวของ กวช. และให้กระทรวงวัฒนธรรมชดใช้ค่าเสียหาย ต่อการถูกละเมิดสิทธิในเกียรติยศชื่อเสียง เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างร้ายแรง รวม 1,120,000 บาท พร้อมกับขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองการเป็นศิลปินแห่งชาติของนายสุชาติ สวัสดิ์ศรี ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าจะมีคำพิพากษา
นายสุชาติ กล่าวว่ามาวันนี้เพื่อทวงคืนความเป็นมนุษของตนเอง เพราะความเห็นต่างทางการเมืองไม่ใช่อาชญากรรม แต่ที่คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ และกระทรวงวัฒนธรรม มีมติถอดถอนตนออกจาการเป็นศิลปินแห่งชาติครั้งนี้ ถือเป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และเป็นการปฏิบัติตามปกครองที่มิชอบ การยื่นฟ้องในวันนี้เพื่อจะขอความชัดเจน โดยให้ศาลปกครองเป็นผู้พิจารณา เพราะตนเสียหายไปแล้ว ได้รับความอับอายจากการที่มีการประกาศปลดตนออกจากการเป็นศิลปินแห่งชาติโดยมิชอบ ไม่ได้รับการบอกกล่าวล่วงหน้า แต่กลับมีการออกข่าวเพื่อประจานให้ตนเสียหายอับอาย ก่อนที่จะมีหนังสือเป็นทางการจากการทรวงวัฒนธรรมส่งมาถึงตนหลังจากนั้นอีก 10 กว่าวัน ซึ่งได้ทำให้ตนเสียหายและอับอายไปเรียบร้อยแล้ว จึงคิดว่าเป็นเรื่องที่ละเมิดเสรีภาพของการเป็นศิลปิน และละเมิดความเป็นมนุษย์ และไม่มีทางอื่นนอกจาก จะให้ศาลปกครองพิจารณาเรื่องนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันนี้มีบุคคลจำนวนหนึ่งเดินทางมามอบช่อดอกไม้เพื่อให้กำลังใจนายสุชาติ รวมทั้งนายสุธรรม แสงประทุม อดีตรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัย ที่มาร่วมให้กำลังใจนายสุชาติในครั้งนี้ด้วย .- สำนักข่าวไทย