พัทลุง 21 ก.ย.-ประธานกลุ่มพิทักษ์ผลประโยชน์ประชาชนพัทลุง ยื่นหนังสือถึง ผบ.ตร. ให้เร่งรัดคดีขโมยรังนก ขณะที่กองพิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่ เก็บดีเอ็นเอผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับวัตถุพยานที่คนร้ายทิ้งไว้ในถ้ำ
ที่หน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง นายเกลื่อม พูลสง ประธานปกป้องผลประโยชน์ประชาชนจังหวัดพัทลุง เข้ายื่นหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผ่าน พล.ต.ต.วรา เวชชาภินันท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง เพื่อขอให้เร่งรัดคดีขโมยรังนก และการทำลายพันธุ์นกอีแอ่นในพื้นที่จังหวัดพัทลุงอีกครั้ง หลังวานนี้ (20 ก.ย.) พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบนเกาะรังนก พร้อมกำชับตำรวจทุกฝ่ายเร่งสืบสวนสอบสวน หาตัวคนผิดมาลงโทษโดยเร็ว
ด้าน พล.ต.ต.วรา กล่าวว่าขณะนี้ เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ ร่วมกับทีมชุดสืบสวนจากส่วนกลางของ พล.ต.อ.สุชาติ พร้อมทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เพื่อเก็บวัตถุพยานหลักฐานเพิ่มเติม พื้นที่หมู่เกาะสี่ เกาะห้า โดยเฉพาะมีการเก็บดีเอ็นเอของคนงานบนเกาะรังนก เพื่อตัดแยกดีเอ็นเอ ออกจากกลุ่มที่ใช่เป็นของคนงานของบริษัทรังนก เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับวัตถุพยานที่พบภายในถ้ำ เช่น อุปกรณ์ใช้เก็บรังนก ขวดน้ำ ขวดเครื่องดื่ม รวมทั้งเสื้อผ้าที่คนร้ายทิ้งไว้ภายในถ้ำ ซึ่งการเข้าตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานนั้นดาดว่าต้องใช้เวลา จากสภาพสิ่งแวดล้อมและพื้นที่ที่อยู่ห่างไกล
ส่วนคดีที่ได้มีการรับการ้องทุกข์ไว้ 2 คดี คือ คดีขโมยรังนกบนเกาะ และคดีที่มีการล่อซื้อรังนก ทั้ง 2 คดี มีพยานหลักฐานพอสมควร เชื่อว่าจะคลี่คลายคดีได้ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่าคนร้ายเป็นใคร เพราะทุกอย่างยังอยู่ระหว่างการสืบสวน แต่หลังสืบสวนเสร็จแล้ว คาดว่าจะรู้ว่าใครเป็นคนขโมยรังนก
นอกจากนี้ กลุ่มปกป้องผลประโยชน์ประชาชนจังหวัดพัทลุง ยังได้ตั้งเวทีปราศรัย บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดพัทลุงหลังเก่า ปราศรัยโจมตีการทำงานของเจ้าหน้าที่เฝ้าเกาะรังนกเกือบ 100 คน พร้อมเชิญชวนพี่น้องจังหวัดพัทลุง ปกป้องทรัพย์สินสมบัติ ในทะเลสาบเกาะรังนกอีแอ่น ที่แต่ละปีมีผลผลิตมหาศาลมูลค่าเป็นพันล้าน แต่ช่วงที่เจ้าหน้าที่เฝ้าเกาะนั้นกลับถูกลักขโมย โดยไม่มีใครออกมารับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะผู้บริหารระดับสูงของจังหวัดพัทลุง นอกจากนี้ ยังได้ทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ และผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้มาแก้ปัญหาโดยด่วน พร้อมดูแลคดีไห้เป็นไปอย่างตรงไปตรงมา และตรวจสอบการทำลายนกในถ้ำ ส่วนระยะเวลาการตรวจสอบนั้น ไม่กำหนดกรอบเวลา พร้อมเรียกร้อง ให้ผู้ว่าฯ พัทลุง ออกมารับผิดชอบ
คดีนี้ เหตุเกิดช่วงสัญญาสัมปทานรักนกสิ้นสุดลง ตั้งแต่ 14 มิ.ย.64 จนถึง 9 ก.ย.64 คนร้ายเลือกวิธีสุมกองไฟใช้ควันไฟไล่แม่นกนางแอ่นที่นอนรังอยู่ ในถ้ำต่างๆ ได้แก่ ถ้ำเนียงเคยบนเกาะเทวดา ถ้ำน้ำบนเกาะท้ายถ้ำดำ และถ้ำรื่น บนเกาะรูชิ่น ในพื้นที่หมู่เกาะสี่ เกาะห้า อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง ซึ่งเหตุการณ์นี้ มีการตั้งข้อสังเกตจากคนในพื้นที่ว่าคนร้ายเข้าไปก่อเหตุสุมไฟเพื่อขโมยรักนกได้ง่ายดายได้อย่างไร ทั้งที่รังนักอยู่ถึงในถ้ำลึก บนเกาะที่อยู่กลางทะเลไกลจากฝั่งมาก และจังหวัดมีการจัดเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย คือ ตำรวจ ป่าไม้ และอาสารักษาดินแดน เกือบ 100 นาย เฝ้ารังนกไว้ทันทีหลังหมดสัมปทานรักนกสิ้นสุดลง ตั้งแต่ 14 มิ.ย.64 จนถึง 9 ก.ย.64 จึงเชื่อว่าคนร้ายจะต้องเป็นชำนาญพื้นที่ รู้ทางเข้า-ออก และเลือกเวลาก่อเหตุได้อย่างพอดิบพอดีกับนกทำรัง เรียกว่าเป็นการปล้นสมบัติของชาติครั้งมโหฬารที่สุด
สำหรับสัมปทานเก็บรักนกอีแอ่น บริษัท สยามเนสท์ 2022 จำกัด ได้รับสัมปทานเก็บรังนกพื้นที่เกาะสี่ เกาะห้า วงเงิน 400 ล้าน และได้รับการส่งมอบเกาะเมื่อ 9 กันยายน 2564 แต่หลังจากที่คนงานเข้าเก็บรังนกในถ้ำทั้ง 7 เกาะ รวม 100 กว่าถ้ำกลับไม่มีรังนกเหลืออยู่ โดยเก็บรังนกขาวได้เพียง 39 กิโลกรัม และรังนกดำ 192 กิโลกรัมเท่านั้น ประมาณการว่าการจัดเก็บรังนกรอบแรกว่าจะมีรายได้แค่ 3 ล้านเท่านั้น ซึ่งเงินที่ได้ยังไม่พอต่อการเสียภาษีในงวดแรกที่ต้องจ่ายอีก 21 ล้านบาท ทางบริษัทฯ จึงได้แค่ทำใจกับการสัมปทานในรอบนี้ เพราะรังนกก็ไม่มี ต้องใช้เวลาฟื้นฟูอีกหลายปี เพราะความเสียหายจากการเข้าไปขโมยของคนร้ายเป็นลักษณะแบบล้างผลาญ มีลูกนกถูกสุมไฟตกลงมาจากรังตายเกลื่อนถ้ำ และคนร้ายได้ทิ้งร่องรอยการขโมยไว้เป็นจำนวนมาก.-สำนักข่าวไทย