กรุงเทพฯ 10 ก.ย.- ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) คาด ปี64 รายได้ปตท.ฟื้นจากพิษโควิด-19 จะช่วยสร้างรายได้แก่รัฐนำไปกระตุ้นเศรษฐกิจ.คาดจ่ายภาษีราว 7-8 หมื่นล้านบาท
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปีนี้กลุ่ม ปตท.มีผลดำเนินการที่ดีขึ้นแม้ยังมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 และคาดว่าจะ ปตท.จะกลับมาเสียภาษีแก่ภาครัฐในปีนี้เหมือนช่วงปกติได้ราว 7-8 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการประเมินจากรายได้และกำไรสุทธิครึ่งปีของปตท.ที่กำไรสุทธิ 5.7 หมื่นล้านบาทเป็นวงเงินที่สูงกว่ากำไรสุทธิทั้งปี 63 ที่อยู่ประมาณ 3.7 หมื่นล้านบาทซึ่งผลดำเนินการที่ดีขึ้นมาทัั้งจากการทำงานของกลุ่มปตท.ที่ร่วมกันสร้างพลังร่วมเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกันเพื่อให้พ้นวิกฤติเศรษฐกิจจากโควิด-19 ในขณะที้ปีนี้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวก็ทำให้ ปตท.ส่งออกครึ่งปีแรกได้ถึง 4 แสนล้านบาท
นายอรรถพลกล่าวว่า ในขณะนี้ยังไม่แน่ชัดรายได้ ปตท.จะเป็นเท่าไหร่ หากแตะ 2 ล้านล้านบาทกำไรก็มีโอกาสได้ 9 หมื่นล้านบาทถึง 1 แสนล้านบาทซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 5 เท่านั้น ไม่ได้สูงแต่อย่างใด ในขณะที่อีกร้อยละ 95 เป็นต้นทุนที่ธุรกิจพลังงานมีวงเงินลงทุนสูงราคาผันผวนตามตลาดโลก และรายได้-กำไรก็นำมาลงทุนเป็นหลัก ในส่วนของวงเงินลงทุนปตท.ก็ลงทุนเกือบแสนล้านบาทต่อปีและหากรวมทั้งกลุ่มก็ลงทุนราวเกือบ 4 แสนล้านบาท/ปี ส่วนใหญ่เป็นโครงสร้างพื้นฐานปิโตรเลียม-ปิโตรเคมี รองรับความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศทั้งภาวะปัจจุบันและการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
ล่าสุดปตท.จึงปรับวิสัยทัศน์ใหม่เป็น”Powering Life with future energy and beyond” หรือ “ขับเคลื่อนทุกชีวิตด้วยพลังแห่งชีวิต” รับการเปลี่ยนแปลงโลก ตั้งเป้าในปี 2030 พลังานสะอาดและธุรกิจใหม่โตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30, เดินหน้าเป็นLNG HUB, มุ่งพัฒนารถไฟฟ้าทัั้งห่วงโซ่อุปทาน( EV valuechain)และศึกษาถึงเชื้อเพลิงไฮโดรเจน ในขณะเดียวกันก็ลงทุนรองรับนโยบายรัฐบาลด้าน New s-curve เช่นAI robotic, นวัตกรรมการแพทย์, EV, เชื้อเพลิงชีวภาพเป็นต้น. – สำนักข่าวไทย