รัฐสภา 1 ก.ย.- “วาโย” ส.ส.ก้าวไกล ชี้ “นายกฯ-อนุทิน” สั่งวัคซีนไม่มีประสิทธิภาพ เอาคนไทยเป็นหนูทดลอง
การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลในวันที่ 2 ช่วงเย็นพรรคก้าวไกลจองคิวอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ถึงประเด็นการจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 ที่ไม่มีประสิทธิภาพ
โดย นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน โดยกล่าวหาว่า ทั้ง 2 บุคคลคน สั่งซื้อวัคซีนป้องกัน โควิด-19 ที่ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอกับสถานการณ์ เวลาที่รู้หรือควรรู้ กรณีวัคซีนชนิดเชื้อตายมีประสิทธิภาพต่อสายพันธุ์เดลตาหรือไม่ ในรายงานวารสารวิชาการนานาชาติ เมื่อวันที่ 9 ส.ค.2564 ระบุว่า ได้ทดสอบวัคซีนต่อสายพันธุ์ดังกล่าว พบว่าแอสตราเซเนกามีประสิทธิภาพ 60-71% ไฟเซอร์ 88% ส่วนซิโนแวค ระบุว่าไม่ทราบ หรือไม่ปรากฎข้อมูลว่ารับมือสายพันธุ์เดลตาได้
นพ.วาโย กล่าวว่า การศึกษาในประเทศไทยเกี่ยวกับการลดลงของภูมิคุ้มกันในผู้ที่ได้รับวัคซีนซิโนแวค กับคนที่หายป่วยจากโควิดโดยธรรมชาติ จัดทำโดยคณะวิทยาศาสตร์ มหิดล คณะแพทย์ รามาฯ และ สธ. พบว่า คนที่ติดเชื้อในปีนี้และหายแล้ว สามารถรับมือสายพันธุ์เดลตาได้ 93.33 %
ส่วนผู้ที่หายป่วยในปีที่แล้ว รับมือได้สายพันธุ์เดลตา 86.67% และผู้ที่ฉีดซิโนแวค รับมือได้เพียง 48.33% ซึ่ง WHO รับรองคุณภาพวัคซีนที่ได้เกิน 50% เหตุที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ไม่ถอดวัคซีนซิโนแวค เพราะรับมือสายพันธุ์ดั้งเดิม 98% อัลฟา 75% เบตา 70%
ขณะที่การศึกษาในไทยได้เผยแพร่ในวารสารระดับโลก THE LANCET infectious Diseases เผยแพร่เมื่อ 26 ส.ค.2564 ระบุว่า ภูมิคุ้มกันต่อต้านเชื้อโควิดกลายพันธุ์ที่เกิดจากวัคซีนซิโนแวคต่ำกว่าจากการติดเชื้อจริง ขณะที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่าไม่ควรสั่งซื้อซิโนแวคแล้ว
นพ.วาโย กล่าวถึงการที่ ศบค.อนุมัติซื้อวัคซีนซิโนแวคเพิ่ม 12 ล้านโดส ในวันที่ 16 ส.ค.64 ต่อมาวันที่ 19 ส.ค.64 มีผลการศึกษาจากศิริราช ว่าการฉีดซีนวัคซีนซิโนแวคตามด้วยแอสตราเซเนกา มีภูมิคุ้มกันมากกว่าฉีดซิโนแวค 2 เข็ม หรือแอสตราเซเนกา 2 เข็ม 3 เท่า ใช้เวลาเพียง 3 สัปดาห์ ตั้งข้อสังเกตว่าการสั่งซื้อดังกล่าวใช้ข้อมูลอะไร ที่สำคัญข้อมูลความปลอดภัยในสูตรฉีดไขว้ยังไม่มี เหตุใดนายกฯ และ รมว.สธ. นำไปออกเป็นนโยบายทั้งที่ศึกษาเพียงหลักสิบ
ขณะที่เมื่อวันที่ 6 ส.ค.64 ข้อมูลจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยภาพรวมการระบาด โควิด-19 สายพันธุ์เดลตาแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ล่าสุด 91.9% จากการสุ่มตรวจสายพันธุ์ในไทย แต่กลับสั่งซื้อวัคซีนซิโนแวคเพิ่ม 12 ล้านโดส ในวันที่ 16 ส.ค.64 การที่ รมว.สธ.ปฏิเสธความรับผิดชอบโดยอ้างว่าตนไม่มีหน้าที่และอำนาจ เนื่องจากถูกนายกฯ ประกาศยึดอำนาจไปนั้นรับฟังไม่ได้ ส่วนนายกฯ สั่งซื้อวัคซีนที่ไม่มีประสิทธิภาพต่อเชื้อโรคที่กำลังแพร่ระบาด ย่อมมีความรับผิด โดยกระทำผิด พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157
“การปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยเฉพาะในกรณีที่ หน้าที่นั้นกำหนดเอาไว้เป็นการเฉพาะ ถือเป็นการลดเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หน้าที่ตั้งแต่ในรัฐธรรมนูญ การปัดป้องภัยพิบัติโรคติดต่อร้ายแรงให้กับประชาชน รัฐบาล นายกรัฐมนตรี ท่านเป็น ผอ.ศบค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รัฐธรรมนูญเปิดสิทธิ์ให้กับประชาชน เพราะฉะนั้นเป็นหน้าที่ของท่าน คนหนึ่งทำ คนหนึ่งไม่ทำ โดยมีที่รู้ ถ้าท่านบอกว่าท่านไม่รู้เนี่ย มันไม่ได้ ท่านควรจะต้องรู้ ภาษากฎหมายใช้ว่ารู้หรือควรรู้ ข้อมูลทั้งหมดบ่งนี้ ณ วันที่ 16 ส.ค. ท่านต้องรู้หรือควรรู้ว่าวัคซีนชนิดเชื้อตายที่ชื่อยี่ห้อโคโรนาแวค ผลิตโดยบริษัทซิโนแวค ผมไม่ได้โจมตี ไม่ได้ด้อยค่า แต่ข้อมูลเป็นแบบนั้น ข้อมูลล้วนๆ ว่ามันใช้ไม่ได้ ความปลอดภัยในการฉีดไขว้ก็ยังไม่มี แล้วท่านเอาคนไทยเป็นหนูทดลอง ท่านเคยบอกไม่ใช่หรือว่าจะไม่ใช้คนไทยเป็นหนูทดลอง” นพ.วาโย กล่าว.-สำนักข่าวไทย
