รัฐสภา 31 ส.ค.-นายกฯ ยืนยันรัฐบาลใช้งบฯ อย่างเหมาะสมเพื่อประโยชน์ประเทศ ไม่มีทุจริต พร้อมให้ตรวจสอบเงินทอนวัคซีน ยันไม่ได้สั่งการให้ใช้อาวุธจริงปราบชุมนุม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงการอภิปรายของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช ส.ส.พรรคเสรีรวมไทยถึงการใช้งบประมาณ ว่า เป็นไปตามขั้นตอนและใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศอย่างเต็มที่ ตนไม่สามารถสั่งการอะไรได้ และไม่อยากมีปัญหาเรื่องการทุจริตเหมือนที่ผ่านมา การใช้จ่ายงบกลางเป็นไปตามระเบียบ มีการเสนอเข้าสู่คณะรัฐมนตรี(ครม.) และมีการกลั่นกรองการใช้จ่ายงาบประมาณอย่างรอบด้าน สามารถตรวจสอบได้ตามระบบ ซึ่งการจัดงบฯ แบบขาดดุล เพื่อขับเคลื่อนให้ขยายตัวทางเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดการใช้เงินในประเทศ ให้ประชาชนใช้เงินอย่างเพียงพอในช่วงนี้ และต้องใช้ลงทุนในต่างประเทศด้วย ส่วนที่ระบุว่ารัฐบาลไม่มีผลงานอะไรเลย ขอให้ไปย้อนดูว่าที่ผ่านมารัฐบาลได้ทำอะไรบ้าง ประเทศเปลี่ยนแปลงไปมาก ยืนยันว่าดูแลประชาชนกลุ่มเปราะบางทุกกลุ่มอย่างสม่ำเสมอ ไม่ได้น้อยไปกว่าเดิม
“ส่วนงบประมาณกระทรวงกลาโหม เป็นไปตามสัดส่วนแต่ละปีงบประมาณในแต่ละปี ในอดีตที่ผ่านมาจะพบว่าสัดส่วนงบประมาณกระทรวงกลาโหมแต่ละปี ไม่ได้มีจำนวนที่สูงมาก หากเปรียบเทียบในต่างประเทศ และอะไรที่ปรับได้ก็จะปรับให้ตามความจำเป็น มีทหารไว้ทำไม เพราะทหารมีความจำเป็น แม้ไม่ได้รบในขณะนี้ แต่ต้องทำหน้าที่อื่น ๆ ทั้งการดูแลชายแดน ความมั่นคงภายใน ภัยพิบัติ แรงงาน สถานการณ์ต่าง ๆและเรื่องโควิด-19 ด้วย ส่วนการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ เป็นไปเพื่อความปลอดภัยในชีวิตของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นลูกหลานคนไทย และต้องมีเครื่องมือที่ทันสมัยทดแทนของเดิมที่หมดอายุ ชำรุด ไม่มีประสิทธิภาพ สิ่งสำคัญคือการต้องมีอาวุธทันสมัย เพราะอนาคตไม่มีความแน่นอน อย่าประเมินว่าการรบจะไม่เกิดขึ้น และอาจเริ่มจากเหตุการณ์เล็ก ๆ ก่อน ดังนั้นต้องวางแผนไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะตามแนวชายแดน อย่ามาอ้างว่ามีไว้ทำไม เพราะหากไม่มีแล้วใครจะมารับผิดชอบ หากเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ภาระหนี้เศรษฐกิจถูกส่งต่อมาจากรัฐบาลอื่น แต่รัฐบาลนี้ยืนยันว่าก่อหนี้ในการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และทำเพื่อประชาชน และขอให้ดูว่าการก่อหนี้ครั้งนี้จะช่วยเหลือประชาชนมากเท่าใด ส่วนนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาเป็นการสร้างฐานเสียงให้ตนเองอยู่ต่ออีกสมัยหรือไม่ เรื่องนี้ขอให้ขึ้นอยู่กับกระบวนการประชาธิปไตย กระบวนการของสภาฯ เพราะตนไม่สามารถไปหลอกใครได้ เพราะขณะนี้ทุกคนเปิดหูเปิดตาในการรับข้อมูลข่าวสารอยู่แล้ว
“ผมไม่รู้กฎหมายทั้งหมด แต่รู้ว่าสามารถจะบังคับใช้กฎหมายอย่างไร ผมรับฟังทุกหน่วยงาน เช่นเดียวกับการแต่งตั้งภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นคนพิจารณา เชื่อว่าผมทำได้ดีกว่าที่ผ่านมา ส่วนเรื่องปัญหาการทุจริต ประกาศไปแล้ว ถ้ามองตัวเลขการดำเนินคดี ทั้งข้าราชการระดับสูง ระดับกลาง ระดับล่าง ทั้งไล่ออก ปลดออก มีคดีจำนวนมาก เพราะมีคดีมาก สมัยก่อนมีคดีมากกว่านี้ แต่ไม่ถูกดำเนินคดี คิดแบบนี้ได้หรือไม่ ลองเปรียบเทียบกัน วันนี้มีใครถูกดำเนินคดีติดคุกตลอดชีวิตหรือไม่ หรือสมัยก่อนมี แต่หนีคดี วันนี้มีมั้ย คิดแบบนี้จะได้เป็นธรรมด้วยกันทั้งสองฝ่าย” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การลงทุนต่าง ๆ กำลังเริ่มดำเนินการ ในช่วงไตรมาสนี้ ตั้งแต่ต้นปี มีการลงทุนสูงขึ้นมีวันนี้ต้องใช้โอกาสนี้ที่บ้านเมืองสงบมีเสถียรภาพ ไม่ใช่สนับสนุนให้มีความวุ่นวาย ทุกคนทราบดีว่าเกิดอะไรขึ้น และขณะนี้กำลังตรวจสอบว่าใครอยู่เบื้องหลังที่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย ตนไม่ได้ขู่ใคร เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ที่สำคัญรัฐบาลไม่มีการก้าวล่วงอำนาจตุลาการ หรือศาล
“การที่จะบอกว่าจะไปใช้อำนาจกับประชาชน เด็ก เยาวชน และใช่ที่ที่ควรจะไปหรือไม่ และวันนี้กฎหมายมีทุกตัว และที่บอกว่าผมใช้อาวุธ ผมไม่เห็นตำรวจถืออาวุธจริงซักคน ท่านมองไม่ออกหรอกว่าไหนอาวุธจริง อาวุธปลอมกระสุนยาง มีแต่ตำรวจถูกยิงทุกวัน แล้วทำไมมองว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรง มันขัดแย้งกับความเป็นจริง ขัดแย้งในภาพ เพราะฉะนั้นอย่าเลือกดูภาพในโซเชียล สุดแล้วแต่ฝ่ายใครจะเอาออกมา ยืนยันไม่มีการสั่งการให้ใช้อาวุธจริงทั้งสิ้น” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี ชี้แจงเรื่องที่ถูกกล่าวหาเรื่องเงินทอนการจัดซื้อวัคซีน ว่า ให้ไปหามาว่าใครเป็นผู้ได้รับ ซึ่งตนยอมรับการตรวจสอบทุกเรื่อง ที่ผ่านมามีเรื่องอะไรก็พร้อมชี้แจงตามข้อเท็จจริง และให้ดำเนินการไปตามกระบวนการ ทั้งนี้ เห็นว่าผู้อภิปรายเข้าใจในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
“ผมไม่มีธุรกิจหรือญาติพี่น้องทำรีสอร์ทใด ๆ ที่ต้องชี้แจง เพราะผู้อภิปรายเป็นรุ่นพี่ ส่วนตัวเคารพอยู่ แต่ในวันหน้าไม่แน่ว่าจะเคารพกันหรือไม่ เพราะทุกวันนี้เด็กก็คิดเป็นแล้ว ยืนยันว่าผมไม่โกรธเคือง เพราะจะให้ฝ่ายค้านมาชมก็เป็นไปไม่ได้ แต่ให้คำนึงถึงความจริง สิ่งที่ผมพูดมาจากหัวใจ และผมมีประสบการณ์มา 6-7 ปี ซึ่งถือเป็นความแตกต่างที่ผมรู้มากกว่า และผมสวดมนต์ทุกวัน ไม่คิดทำผิด ขอให้เชื่อมั่นรัฐบาลทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ เป็นห่วงประชาชน ทุกเรื่องสามารถชี้แจงได้ โดยเฉพาะสถานการณ์โควิด-19 ยืนยันพิจารณาตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นระยะ ส่วนที่ต้องเวิร์ค ฟอร์ม โฮม 14 วัน เพราะใกล้ชิดคนติดโควิด หมอเลยสั่งให้ทำงานที่บ้าน แต่ยืนยันทำงานทุกวันผ่านระบบออนไลน์” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย