รัฐสภา 20 ส.ค.-“เรืองไกร” บอก ส.ส.มึน ถามปมชดใช้โครงการรับจำนำข้าวผิดหน่วยงาน ขณะเพื่อไทยเกทับประชาธิปัตย์ ยกจำนำข้าวข่มประกันรายได้ ชี้วันนี้ราคาข้าว-ลำไยตกต่ำ ทวงเมื่อไหร่จะทำนโยบายที่หาเสียงไว้
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 วาระที่ 2 และ 3 วันที่สาม พิจารณามาตรา 19 งบประมาณกระทรวงพาณิชย์ จำนวน 3,601,805,300 บาท โดยนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ในฐานะคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2565 กล่าวว่า ในห้องกรรมาธิการงบประมาณหลายคนยังถามถึงโครงการรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่าไม่ถูกต้องและผิดหน่วยงาน ซึ่งโครงการรับจำนำข้าวเป็นนโยบายที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภา ยังมียอดที่ ธกส.ต้องชำระอยู่ทุกปี จึงไม่สามารถพิจารณาคดีเรื่องการขาดทุนโครงการนี้ได้ แต่ต้องหาเงินมาชดใช้วงเงินกู้ 5 แสนล้านทุกวัน
นายเรืองไกร กล่าวว่า ส.ส.บางคนไปอธิบายความในชั้นกรรมาธิการ ไปถามกรมการค้าภายใน แต่ผู้ขายคือกรมการค้าต่างประเทศ คนเก็บข้าวคือองค์การคลังสินค้าและ อตก. คดีก็ว่ากันไป แต่บัญชีงบประมาณยังปรากฎในหมายเหตุของ ธกส. และบัญชีที่ปิดกันอยู่ทุกวันนี้ ตนเป็นหนึ่งในพยาน เมื่อตัดสินคดีก็เรียกชดใช้ค่าเสียหาย ส่วนที่ศาลปกครองชั้นต้นให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ชนะคดี เพราะตัวเลขบัญชียังไม่นิ่ง แต่น่าเสียดายมาก ประเด็นนี้ตนไม่ได้อยู่ช่วยงานกับพรรคเพื่อไทย เพราะถูกกล่าวหาว่าไม่ใช่สมาชิก แต่บัญชีตนตรงไปตรงมา ข้าว 14 กว่าล้านครอบครัวมีใบประทวนและข้าวเปลือกแปรสภาพเป็นข้าวสาร ไปเอาไว้ที่อตก. และองค์การคลังสินค้า ซึ่งลงบัญชีไม่เหมือนกัน เมื่อขายกรมการค้าต่างประเทศเป็นผู้ขาย
“พวกท่านเป็นส.ส. จะอยู่ฝั่งไหนก็แล้วแต่ แต่ข้อมูลบัญชีรัฐบาลต้องถูกต้อง ตอนนี้คนเข้าใจกันและอธิบายความไม่ถูก ผมขอฝากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูเงิน 5 แสนล้านกู้มาใช้อย่างไร และปัจจุบันเหลือเท่าไหร่ เป็นภาระงบประมาณเท่าไหร่ ขาดทุนเท่าไหร่ ขอฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาให้ถ่องแท้ ผมมีฐานะเป็นคนตรวจสอบ เพราะมีหลายคนไม่เข้าใจเรื่องนี้ และยังถามย้อนไปถึงเงินที่เคยยึดทรัพย์นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่าอยู่ที่ไหน ผมเคยตามแล้วพบว่าเข้าตามระบบหมดแล้ว แต่ไม่ให้ใครเอาเงินรางวัลนี่คือความถูกต้องชอบธรรม คนที่เกี่ยวข้องควรไปศึกษาและแก้ไขตรงนี้ให้เกิดความเป็นธรรม และเกิดหลักนิติรัฐ นิติธรรมในบ้านเมือง” นายเรืองไกร กล่าว
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล กรรมาธิการงบประมาณฯ สัดส่วนพรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ตามที่พรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายประกันรายได้ ประกาศจะประกันรายได้ข้าวหอมมะลิอยู่ที่ 18,000 บาท ข้าวขาวอยู่ที่ 12,000 บาท แต่วันนี้ราคาข้าวตกต่ำ เกษตรกรฝากมาถามว่า ตกลงประกันราคาข้าวอยู่ที่ราคาเท่าไหร่ ได้ไปของบประมาณจากนายกรัฐมนตรีแล้วหรือไม่ หรือจะใช้เงินส่วนใดในการประกันราคา ขณะนี้เกษตรกรเดือดร้อนมาก สมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์โครงการจำนำข้าว ประกาศให้ข้าวหอมมะลิอยู่ที่ 20,000 บาท ข้าวขาวอยู่ที่ 15,000 บาท จ่ายเงินผ่านธกส. ทุกบาทถึงมือเกษตรกร เกิดการหมุนเวียน ไม่ลำบากเหมือนวันนี้ วันนี้ไม่มีโครงการจำนำข้าวแล้ว ประชาชนทั้งประเทศลำบากหมด เศรษฐกิจซบเซา วันนี้พรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่มีพรรคประชาธิปัตย์รับผิดชอบ จึงขอทวงถามว่าจะดำเนินการประกันรายได้ตามที่ประกาศเมื่อใด
“ยังมีความเดือนร้อนของชาวสวนลำไย ตอนนี้ลำบากมาก เพราะราคาตกต่ำ อยากถามว่า กระทรวงพาณิชย์มีแผนรับมืออย่างไร ตอนนี้ผมไม่เห็นกรมการค้าภายในมีงบประมาณสำหรับช่วยเหลือเกษตรกร 500 ล้านบาท ถามว่าเงินส่วนนี้อยู่ที่ไหน พี่น้องฟันต้นลำไยหมดแล้ว ผมจึงคิดว่าจะขอปรับลดเงินส่วนนี้ 500 ล้านบาทให้หมด ถ้ายังบริหารจัดการแบบนี้ สุดท้ายพี่น้องเกษตรกรฝากมาบอกว่าถ้าไม่สนใจใยดี ถึงเวลาจะไม่มีคะแนนให้รัฐบาล” นายวรวัจน์ กล่าว
นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ชาวบ้านดำรงชีวิตทุกวันนี้ถึงยุคข้าวยากหมากแพง อะไรอยากให้ถูกแต่แพง อะไรที่อยากให้แพงแต่กลับถูก ที่อยากให้แพงกลับถูก เช่น ราคาข้าว ใน 20 จังหวัดภาคอีสาน วันนี้ล้มเหลวมาก ส่วนที่อยากให้ถูกกลับแพง เช่น ไข่ไก่ เมื่อก่อนแผงประมาณ 90 บาท แต่ยุคโควิด 130-140บาท ส่วนน้ำมันไหนโม้ตลอดเมืองไทยผลิตน้ำมันเองได้ ถ้าน้ำมันลดจะทำให้เกษตรกรลดรายจ่ายไปด้วย กระบวนการกักตุนยุคโควิดเต็มไปหมด
“ซี่โครงหมูวันนี้เริ่มหายาก จะดั๊มขึ้นมาอีกหลายอย่าง รมว.พาณิชย์ อธิบดี กรม กอง เข้าใจความยากแค้นทั้งแผ่นดินหรือเปล่า ประเทศวันนี้จะลำบากกับผู้บริหารประเทศ ที่เป็นรัฐมนตรี ตามกระทรวง ทบวง กรม ต่าง ๆ มันไม่มีเพื่อนกันหรืออย่างไงกับต่างประเทศ ไม่คบกับใคร หรือไม่มีใครคบ อ้างอย่างเดียวว่ายุคโควิดส่งของไปขายไม่ได้ มังคุด ข้าว ขายไม่ได้ ไอ้โน่นไอ้นี่ก็เอาไปขายไม่ได้ อะไรก็อ้างโควิด มันเป็นการให้ตราบาปกับประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ผมรู้ว่าวันนี้เมืองไทยคบอยู่กับประเทศเดียว เหมือนกับซื้อวัคซีนก็ซื้ออยู่ยี่ห้อเดียว พอมีปัญหาประเทศอื่นก็ไม่คบ เพราะเพื่อนน้อย และทำให้คนไทยลำบาก” นายครูมานิตย์ กล่าว
นายครูมานิตย์ อภิปรายว่า ส่วนเรื่องข้าว ที่อีสานลำบากมาก ข้าวเหลือราคา กิโลละ 6-7 บาท พ่อค้าอ้างว่ามีสิ่งเจือปน แต่คนไม่มีข้าวกินซื้อข้าวกิโลกรัมละ 20 บาท ส่วนข้าวสารไม่มีลด แต่ข้าวเปลือกลดทุกวัน อ้างต่าง ๆ นานา ต้นทุนการผลิต ค่าปุ๋ย ค่าจ้างเกี่ยวจิปาถะ กระทรวงต้องไปคิด
“คุณแอนตี้พรรคเพื่อไทย ไม่เห็นด้วยกับการรับจำนำข้าว วันนี้คุณมีอำนาจบอกทำประกันราคา แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ถามจริงๆ ประกันราคา ไปเจาะดีๆ ใครได้ประโยชน์ มันไม่ใช่ชาวนา แต่เป็นพ่อค้าที่ชอบ กระบวนการเวียนข้าว ฝากข้าวไปให้ประกันคนไหนไม่มีข้าว ก็ให้เอามาประกัน ถ้าไม่รับจำนำก็ต้องประกัน คิดได้แค่นี้หรือ ทำไมไม่คิดวิธีอื่นบ้าง ไม่ใช่บริหารประเทศแบบรู้ทีนไปเรื่อยๆ คนที่ตายคือเจ้าของประเทศอย่างประชาชน โดยเฉพาะชาวนา ฝากว่ารัฐบาลที่เป็นผู้ใช้เงินทำให้คนรากหญ้าอยู่รอด เขาจะตายกันอยู่แล้ว” นายครูมานิตย์ กล่าว
นายวิสิษฐ์ เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า งบประมาณของกระทรวงพาณิชย์ทุกกรม ทุกกอง ทุกแผนกยังจัดงบเหมือนเดิม ไม่ได้ตามวิวัฒนาการหรือความเป็นอยู่ของประชาชน ทั้งที่ควรดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนโดยเฉพาะราคาสินค้าเกษตรที่เป็นรายได้หลัก ซึ่งในงบฯทุกกรมกองหลายสิบล้านบาทรวมแล้วหลายร้อยล้านบาท มีวิธีคิดแบบเดิม คือสินค้าเกษตรหลัก ๆ ของประเทศ จะมีหน่วยงานดูแลมาตลอด เช่น การยางพาราแห่งประเทศไทย สำนักงานอ้อย กรมการข้าว วันนี้กระทรวงพาณิชย์ยังมองว่าสินค้าเกษตรที่เป็นผลไม้ของประเทศเป็นสินค้าเฉพาะพื้นถิ่นและบริโภคภายในประเทศ แต่ผลไม้ไทยเป็นที่เลื่องลือระดับโลกแล้ว อาทิ ทุเรียน มังคุด ลำไย แต่วันนี้ราคาลำไยตกต่ำมากจนเอาลำไยมาเททิ้ง ซึ่งไม่คุ้มกับค่าแรงเก็บจนเอาไม้มาฟาดลำไยด้วยน้ำตา และกระทรวงยังมีวิสัยทัศน์การทำงานแบบเดิมๆด้วยการปล่อยขบวนรถโบกธงใส่รถบรรทุกไปขายแค่นั้น ถามว่าเคยช่วยเหลืออะไรที่เป็นหลักหรือไม่ และที่ผ่านมาการช่วยเหลือตกอยู่ที่พ่อค้าคนกลางเท่านั้น ชาวสวนไม่เคยได้อะไรเลย.-สำนักข่าวไทย