รัฐสภา 16 ส.ค.- ฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรีและ 5 รัฐมนตรีร่วมรัฐบาล ชี้บกพร่องผิดพลาดในการบริหารสถานการณ์แก้ปัญหาโควิด19 เศรษฐกิจเสียหาย แจงไม่มีชื่อ “ประวิตร” เพราะไม่ตรงเป้าอภิปราย
นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผู้นำฝ่ายค้านพร้อมด้วย หัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้าน ยื่นหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เพื่อยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยมีรายชื่อนายกรัฐมนตรี พร้อม 5 รัฐมนตรี
ด้านประธานรัฐสภา กล่าวว่า เมื่อผู้นำฝ่ายค้านได้เสนอญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญ ตามระเบียบข้อบังคับก็คือ สภาจะรับและมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้อง เช่น ตรวจรายชื่อครบหรือไม่ ชื่อซ้ำหรือไม่ และตรวจเนื้อหาไม่ให้ขัดกับข้อบังคับ ภายใน 7 วัน และโดยข้อบังคับต้องบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ซึ่งจากนี้ต้องแจ้งให้นายกรัฐมนตรีรับทราบและหารือกับตัวแทนฝ่ายรัฐบาลว่าจะสมควรอภิปรายในช่วงเวลาใด
นายชวน กล่าวด้วยว่า ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ในการเสนอญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งวันเวลาที่เหมาะสมจะมีการหารืออีกครั้ง และเมื่อทราบ ก็จะแจ้งกำหนดวันต่อไปโดยผลตามกฏหมาย คือ เมื่อเสนอญัตติและรับญัตติแล้วจะไม่สามารถยุบสภาในช่วงเวลานี้ได้
ด้านนายสมพงษ์ กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านได้รวบรวมและพิจารณาข้อบกพร่องของรัฐบาลที่ปฏิบัติงาน ส่วนใหญ่เกี่ยวกับการบริหารจัดการวัคซีน การแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และปัญหาด้านเศรษฐกิจ พรรคฝ่ายค้านจึง มีความจำเป็นที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลซึ่งได้ ยื่นให้ประธานรัฐสภาได้พิจารณาตรวจสอบและบรรจุเข้าไปเป็นวาระด่วนในการที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจทั่วไป
โดยรัฐมนตรีที่จะอภิปรายเป็นรายบุคคล ประกอบด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
นายสมพงษ์ ยืนยันว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านมีการหารืออย่างรอบคอบ แม้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนหนึ่งเสนอรายชื่อบุคคลมากกว่านี้ แต่จากการหารือและตกลงพูดคุยได้ข้อสรุปเป็น 6 คน สำหรับเหตุผลที่สื่อมวลชนสอบถามเข้ามาว่า เหตุใดจึงไม่มีรายชื่อของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นเพราะประเด็นที่ตั้งเป้าหมายไว้ เน้นเกี่ยวกับเรื่องของโควิด-19 ปัญหาเศรษฐกิจและการทุจริต ดังนั้นจึงพุ่งเป้าไปที่ 6 รัฐมนตรี และฝ่ายค้านตั้งเป้าหมายว่าจะได้เวลาในการอภิปรายไม่ไว้วาง คือ 3 วันหรือมากกว่านั้น มั่นใจว่า หลังการอภิปรายจะนำไปสู่การฟ้องร้องในคดีอาญาเช่นทุกครั้ง
เมื่อถามว่า การอภิปรายในครั้งนี้ มั่นใจพยานหลักฐานที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ นายสมพงษ์ กล่าวว่า ฝ่ายค้านมีความมั่นใจว่าสิ่งที่ได้รวบรวมหลักฐานสิ่งต่างๆที่จะอภิปรายในสภาครบถ้วน
ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้หารือและยืนยันว่า การเลือกอภิปรายทั้ง 6 คน เพราะต้องการพุ่งประเด็นในเรื่องที่เกิดปัญหาและใช้กลไกสภาในการแก้ไขปัญหาวิกฤต ลดความขัดแย้งและถอดสลัก โดยการให้พล.อ.ประยุทธ์ พ้นออกไปเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ เชื่อว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้แตกต่างจากครั้งอื่น เพราะเป็นความเดือดร้อนลำบากของประชาชนที่ขยายวงกว้างในมิติของปัญหาทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากขึ้น อย่างไรก็ตามพรรคก้าวไกล ได้รับหลักฐานข้อมูลส่งมาให้อย่างไม่ขาดสาย เชื่อว่าขณะนี้ความชอบธรรมของ พล.อ.ประยุทธ์แทบไม่เหลือทั้งใน-นอกสภา ดังนั้นการอภิปรายครั้งนี้ต้องการให้เกิดแรงสั่นสะเทือน ยืนยันว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่มีปัญหาขัดแย้งกัน ยึดประชาชนเป็นหลักและต้องการใช้กลไกในรัฐสภาในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนเรามีวุฒิภาวะพอที่จะวางความแตกต่างระหว่างฝ่ายค้านลงแล้วจะร่วมมือกันอย่างเต็มที่ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้.-สำนักข่าวไทย