กทม. 25 ก.พ.- รัฐบาลเสียใจกรณีชายสูงวัยผูกคอตาย หลังเรียกร้องให้ยกเลิก ม.44 คุมวัดพระธรรมกาย เตือนสติผู้เกี่ยวข้องหยุดใช้ศรัทธาผู้บริสุทธิ์เป็นเครื่องมือ พร้อมแจงเหตุปรับย้าย ผอ.พศ. เพื่อประสิทธิภาพงาน
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่ชายสูงอายุผูกคอตาย หลังเรียกร้องให้ยกเลิกคำสั่งตามมาตรา 44 ควบคุมพื้นที่วัดพระธรรมกายไม่สำเร็จ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล ขอแสดงความเสียใจต่อผู้สูญเสีย โดยกล่าวว่า ไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์เศร้าสลดเช่นนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ใช้ความพยายามอย่างที่สุดในการเจรจาและเตรียมการช่วยเหลือ แต่ไม่อาจป้องกันได้ เพราะเกิดเหตุสุดวิสัย
“อยากให้สติแก่สังคม โดยเฉพาะผู้ที่สนับสนุนวัดพระธรรมกาย ทั้งพระสงฆ์และศิษยานุศิษย์ ว่าไม่ควรปล่อยให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น และไม่ควรใช้ศรัทธาความเชื่อมั่นของผู้บริสุทธิ์เป็นเครื่องมือปกป้องผู้กระทำผิดเพียงไม่กี่คน แต่ท้ายที่สุดกลับออกมาปฏิเสธว่าไม่ใช่ลูกศิษย์ของตน รวมทั้งขอเรียกร้องว่า ไม่ควรกล่าวโทษคำสั่งตามมาตรา 44 ว่าเป็นสาเหตุ เพราะที่ผ่านมาผู้กระทำผิดไม่ยอมรับกฎหมาย แต่กลับแสวงหาประโยชน์จากผู้อื่น และใช้กฎหมู่หลบหนีความผิด ส่วนเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจำเป็นต้องทำตามกฎหมาย หากไม่ทำก็จะเข้าข่ายละเลยการปฏิบัติหน้าที่”
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวต่อถึงกรณีที่หัวหน้า คสช.ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งที่ 12/2560 โดยให้นายพนม ศรศิลป์ พ้นจากตําแหน่ง ผอ.สํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และให้ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผบ.สำนักคดีภาษีอากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ มาดำรงตำแหน่งแทน ว่า คำสั่งดังกล่าวเป็นไปเพื่อประสิทธิภาพในการบริหารงานของสํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่ต้องดำเนินการสนองงานคณะสงฆ์และรัฐ ทำนุบำรุงส่งเสริมและพัฒนากิจการพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนเพื่อปกป้องคุ้มครองไม่ให้พระศาสนาเกิดความมัวหมอง และประสานประโยชน์กับทุกฝ่ายนำไปสู่การปฏิรูปอย่างยั่งยืน
ส่วนข้อวิจารณ์เรื่องคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งใหม่ว่าไม่เคยมีประสบการณ์ด้านงานศาสนามาก่อนนั้น โดยปกติผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุดของหน่วยงานจะสรรหาจากผู้ที่มีวิสัยทัศน์ด้านการบริหารและเคยเป็นผู้นำหน่วย ส่วนรายละเอียดในการปฏิบัติงานนั้น ยังมีรองผู้อำนวยการ หัวหน้าหน่วยระดับกลาง และหน่วยงานในระดับจังหวัดที่ร่วมกันขับเคลื่อนให้งานบรรลุผลสำเร็จ.-สำนักข่าวไทย