กรุงเทพฯ 26 ก.พ. – ผอ.สุวรรณภูมิแจงเหตุไม่อนุญาตรถอูเบอร์เข้ามารับผู้โดยสาร เนื่องจากไม่จดทะเบียนเป็นรถขนส่งสาธารณะ ไม่เปิดมิเตอร์ เข้าข่ายมีความผิดตามข้อกำหนดของ ทอท.ว่าด้วยมาตรการรักษาความปลอดภัย
นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ตามที่มีเพจข่าวด้านการท่องเที่ยวชื่อดังในสื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่ข่าวเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ควบคุมตัวผู้ให้บริการรถอูเบอร์ไม่ให้รับผู้โดยสารที่จะมาใช้บริการและมีการเชิญผู้ให้บริการคนดังกล่าวออกนอกพื้นที่ไปนั้น ซึ่งประเด็นดังกล่าวได้มีผู้ให้ความสนใจเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่เห็นว่าควรจะให้รถอูเบอร์เข้ามาให้บริการใน ทสภ.ได้ เนื่องจากมีการบริการที่ดีกว่ารถแท็กซี่ที่ให้บริการอย่างถูกต้องใน ทสภ.
นายศิโรตม์ กล่าวว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่ ทสภ.ครั้งนี้เป็นการกระทำตามหน้าที่ที่เป็นไปตามข้อกำหนดของ ทอท.และกฎหมาย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2560 เวลาประมาณ 16.50 น. เจ้าหน้าที่ ทสภ.ตรวจพบนายพลภัทร สวรรคโลก สมาชิกเครือข่ายอูเบอร์ (Uber) นำรถยนต์ยี่ห้อนิสสัน อัลเมร่า สีเทา ทะเบียน 2 กญ-4139 กทม.เข้ามาจอดรอเปิดสัญญาณแอ็พอูเบอร์ บริเวณชานชาลาด้านนอก ชั้น 2 ประตู 5 เพื่อรอรับผู้โดยสารชาวญี่ปุ่น 2 คน ไปส่งโรงแรมเลอเมอริเดียนราคาแบบเหมาจ่าย 300 บาท ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นการกระทำเข้าข่ายความผิดตามข้อกำหนดของทอท.ว่าด้วยการดำเนินมาตราการรักษาความปลอดภัย ในข้อ 5(4) ซึ่งกำหนดให้พื้นที่บริเวณชานชาลา และถนนหน้าอาคารผู้โดยสารชั้น 1, 2 และ 4 เป็นพื้นที่ควบคุม ซึ่งต้องมีการปฏิบัติตามกฏ ระเบียบ หลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ ทอท.กำหนด และห้ามไม่ให้ผู้ใดปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยในข้อ 5(4) ระบุว่าห้าม “นำรถหรือยานพาหนะใด ๆ มาใช้ในการประกอบกิจการ หรือดำเนินการใด ๆ ลักษณะที่ผิดกฎหมาย หรือแสวงหาผลประโยชน์จากผู้โดยสารอากาศยาน ผู้ใช้บริการท่าอากาศยาน หรือบุคคลใด ๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก ทอท.
สำหรับรถของนายพลภัทร เข้ามาเรียกรับผู้โดยสารเป็นการนำรถมาใช้ผิดประเภทตามกฎหมายของกรมการขนส่งทางบก อีกทั้งยังเป็นการให้บริการรถสาธารณะโดยไม่เปิดมาตรมิเตอร์ ดังนั้น เมื่อเจ้าหน้าที่พบจึงจำเป็นต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนด โดยเบื้องต้นได้แจ้งข้อกำหนดของ ทอท.ให้นายพลภัทร รับทราบ พร้อมทั้งเชิญให้ออกนอกพื้นที่ท่าอากาศยาน ซึ่งถือเป็นพื้นที่ควบคุม และเนื่องจากรถที่นายพลภัทรเป็นรถส่วนบุคคลแต่นำมาใช้เรียกรับผู้โดยสาร ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจึงออกใบสั่งในข้อหาใช้รถผิดประเภท และโดนเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 2,000 บาท รวมทั้งถูกเชิญตัวมาทำประวัติด้วย
นายศิโรตม์ กล่าวว่า การที่ ทอท.ต้องมีข้อกำหนดลักษณะเช่นนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาท่าอากาศยานในความรับผิดชอบของ ทอท. ประสบปัญหาจากการที่มีผู้ที่เป็นไกด์ผี แท็กซี่เถื่อนเข้ามารบกวนและเรียกรับผู้โดยสาร ซึ่งก่อความรำคาญและเดือดร้อนแก่ผู้โดยสารอย่างมาก ดังนั้น เพื่อให้ผู้โดยสารและผู้ใช้บริการเกิดความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งเพื่อให้การบริการรถสาธารณะภายในท่าอากาศยานในความรับผิดชอบของ ทอท. เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงจำเป็นต้องมีการออกข้อกำหนดดังกล่าว เพื่อให้สามารถจับกุมและลงโทษผู้กระทำความผิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม หากในอนาคตรถแท็กซี่อูเบอร์มีการจดทะเบียนได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมายจากกรมการขนส่งทางบกและมีการขอเข้ามาประกอบธุรกิจภายในท่าอากาศยานอย่างถูกต้อง ทสภ.จึงจะสามารถอนุญาตให้รถแท็กซี่อูเบอร์เข้ารับผู้โดยสารได้
นายศิโรตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทสภ.ให้ความสำคัญในการกำกับดูแลรถแท็กซี่สาธารณะที่เข้ามาให้บริการ ให้ปฏิบัติตามกฎหมายและให้บริการผู้โดยสารให้ได้รับความสะดวกและความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งที่ผ่านมามีนโยบายเข้มงวดกวดขันให้ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ภายใน ทสภ. เปิดมิเตอร์ให้บริการผู้โดยสารทุกคัน โดยจัดให้มีเจ้าหน้าที่คอยตรวจสอบการให้บริการอย่างสม่ำเสมอ หากพบผู้ขับขี่รถแท็กซี่คันใดไม่คิดค่าบริการตามที่กฏหมายกำหนด จะมีบทลงโทษโดยการสั่งระงับรหัสผู้ขับขี่ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ขับขี่ดังกล่าวไม่สามารถเข้ามาให้บริการภายใน ทสภ.เป็นการชั่วคราวหรือเป็นการถาวรได้ ซึ่งที่ผ่านมาลงโทษผู้ขับขี่รถแท็กซี่ที่ได้รับการร้องเรียนว่ามีการกระทำไม่เหมาะสมทุกราย ทั้งนี้ ขอความร่วมมือผู้โดยสารที่ใช้บริการรถแท็กซี่โปรดเก็บสลิปบัตรการใช้บริการฯ ไว้เป็นหลักฐาน เพื่อประโยชน์ในการติดตามข้อมูลสำคัญต่าง ๆ หากเกิดกรณีขอความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นกรณีหลงลืมสัมภาระหรือติดต่อร้องเรียนการให้บริการด้านอื่น ๆ เนื่องจาก ทสภ. มีระบบการลงทะเบียนและฐานข้อมูลประวัติของผู้ขับขี่รถแท็กซี่ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ทันที.-สำนักข่าวไทย