สมุทรสาคร 4 ส.ค.-“อนุทิน” ลงพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสนาม ขอบคุณทุกภาคส่วน สู้โควิด-19 พร้อมเผย แนวทางฟื้นขวัญคนทำงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ลงพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อตรวจเยี่ยมศูนย์พักพิง และโรงพยาบาลสนาม ในพื้นที่ของบริษัท ปัญจพล ไฟเบอร์ คอนเทนเนอร์ จำกัด ซึ่งสามารถรองรับผู้ป่วยได้จำนวน 100 เตียง เพื่อดูแลผู้ป่วยในชุมชน จากพื้นที่ใกล้เคียง อยู่ภายใต้การดูแลของ รพ.วิชัยเวช โรงพยาบาลแห่งนี้ ดำเนินงานภายใต้มาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข
ระหว่างการตรวจเยี่ยม นายอนุทิน กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข มีหลักเกณฑ์ในการดูแลผู้ป่วยในโรงพยาบาลสนาม เป็นหลักมาตรฐานเดียวกันหมด ซึ่งมาจากการพิจารณาจากคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญอย่างรอบคอบ โรงพยาบาลสนาม มีความสำคัญอย่างยิ่ง ในการช่วยลดการแพร่เชื้อ และลดการสูญเสีย ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณภาคเอกชน ที่ให้ภาครัฐ ได้ใช้พื้นที่ สร้างโรงพยาบาลสนาม เอกชนไทยจำนวนมากช่วยเหลือ
โดยไม่ขอออกนาม นับเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม เช่นเดียวกับพี่น้อง อสม. หรือนักรบชุดเทา ที่มือข้างหนึ่งถือเจลแอลกอฮอล์ มืออีกข้างถืออุปกรณ์วัดอุณหภูมิ ส่วนปาก ก็ช่วยให้ความรู้ประชาชน และประชาสัมพันธ์ ให้ความรู้ด้านสาธารณสุข แก่ชุมชน ทั้งนี้ การทำงานในพื้นที่ หากมีเรื่องติดขัด ขอให้ประสานไปที่ สสจ.จังหวัด ที่พร้อมสนับสนุนการทำงานของทุกฝ่าย
จากนั้น มีคำถามเรื่องขวัญและกำลังใจทีมแพทย์ ในการสู้กับโควิด-19 นายอนุทิน กล่าวว่า ตนได้หารือกับทางผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ในการช่วยเหลือ ฟื้นฟู ขวัญ และกำลังใจคนทำงาน ทั้งการ บรรจุพนักงาน ให้เป็นข้าราชการ เพื่อเสริมกำลังรบกับโรคระบาด ไปจนถึงการเพิ่มอายุราชการทวีคูณ และสิทธิประโยชน์ต่าง ให้สมกับความทุ่มเททำงานของท่าน จากนี้ ต้องไปหาทาง ทำให้เกิดความเป็นรูปธรรม ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ทุ่มเทเสียสละ ส่วนเรื่องวัคซีนบูสเตอร์จากไฟเซอร์ แก่บุคลากรการแพทย์ นั้น ให้เป็นไปตามการพิจารณาของกรมควบคุมโรค ขอย้ำว่า จะไม่มีการปล่อยปละละเลยแน่นอน และต้องได้รับให้เร็วที่สุด
“มีความกังวลเรื่องปริมาณยาฟาวิพิราเวียร์ ขอย้ำว่า ได้สั่งนำเข้ายาไม่ต่ำกว่า 20 ล้านเม็ด และจากนี้ ไทยจะผลิตได้เอง ทำให้มีปริมาณยาเพิ่มขึ้น ส่วนเรื่องการใช้ยา มีการปรับเกณฑ์ ให้ให้ยาได้เร็วขึ้น แต่ขอให้เป็นการตัดสินใจของแพทย์ผู้ดูแลคนป่วย นอกจากนั้น กำลังจัดหายาสำคัญตัวอื่นเข้ามาสำรองไว้แล้ว กรณีที่พบว่าผู้ป่วยบางคน ใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ และไม่ได้ผล”.-สำนักข่าวไทย