กรุงเทพฯ 27 ก.พ.-มีพิธียกเอกพระเมรุมาศ ก่อนเริ่มการก่อสร้างเพื่อให้งานทุกส่วนสำเร็จลุล่วงไม่มีอุปสรรค กับความสำคัญของการกำหนดเวลาฤกษ์ความเชื่อทางพิธีพราหมณ์ โบราณราชประเพณีที่สืบทอดมายาวนาน ติดตามในรายงานพิเศษ “ส่งเสด็จ…สู่แดนสรวง”
เสียงประโคมแตร-สังข์ คือ สัญญาณเริ่มเข้าสู่พิธีบวงสรวงยกเสาเอกพระเมรุมาศ ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมิรทรมหาภูมิพลอดุลยเดช การยกเสาเอกเป็นธรรมเนียมที่ยึดถือมาแต่โบราณ เพื่อบอกกล่าวเทพยดา ขอขมาน้อมบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้การทำงานสำเร็จลุล่วง โดยมีพระครูพราหมณ์เป็นผู้กำหนดเวลาฤกษ์
ฤกษ์ที่ดีที่สุดสำหรับการยกเสาเอกพระเมรุมาศในครั้งนี้ ถูกกำหนดให้ตรงกับวันจันทร์ ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 4 เวลา 10.01-10.54 น. อันเป็นมหัทธโนฤกษ์ ความหมายของมหัทธโน คือ ฤกษ์ใหญ่หรือสมบูรณ์ และวันจันทร์คือวันที่เหมาะแก่การเริ่มการก่อสร้าง โดยตำแหน่งเสาเอกจะอยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นทิศแห่งมหาเทพหรือพระศิวะ ที่จะส่งพลังอันเป็นมงคลมาสู่การสร้าง ซึ่งสัมพันธ์กับการวางผังอาคารที่เชื่อมโยงกับศาสนสถานสำคัญบนเกาะรัตนโกสินทร์ แกนทิศเหนือและทิศใต้เป็นแนวเดียวกับรัตนเจดีย์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม และทิศตะวันออกและตะวันตกเป็นแนวเดียวกับพระอุโบสถวัดมหาธาตุฯ
ลักษณะของเสาพระเมรุมาศ เมื่อยกเสร็จทั้ง 4 ต้นจะเป็นเสาทรงสอบ หรือเอียงเข้าหาจุดกึ่งกลางประมาณ 10 องศา จึงต้องยึดโยงด้วยโครงเหล็กในระดับสูงจากพื้น 8 เมตร และยึดส่วนยอดเสาระดับ 23.5 เมตร เพื่อความมั่นคงแข็งแรง ให้แล้วเสร็จภายในวันนี้ หลังจากนั้นจะดำเนินการยกเสาโครงสร้างส่วนของหอซ่างและหอเปลื้อง ทำพื้นชาลาตามลำดับ ซึ่งโครงสร้างทั้งหมดจะแล้วเสร็จตามแผนสิ้นเดือนเมษายน เพื่อรองรับการติดตั้งงานสถาปัตยกรรม เพื่อให้งานส่วนภูมิทัศน์เกี่ยวเนื่องกับโครงการพระราชดำริดำเนินการได้ระยะถัดไป
พระเมรุมาศทรงบุกษก 9 ยอดองค์นี้เป็นการผสมผสานโครงสร้างเหล็กเข้ากับงานสถาปัตยกรรมไทยอย่างลงตัว จึงทำให้การก่อสร้างเป็นไปอย่างรวดเร็ว และนับเป็นพระเมรุมาศที่ยิ่งใหญ่ที่กว่า 4 ครั้งที่ผ่านมา ทุกฝ่ายต่างประสานความร่วมมือเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วงตามแผนในเดือนกันยายน และเป็นไปอย่างสมพระเกียรติ.-สำนักข่าวไทย