ปทุมธานี 18 พ.ย. – การน้อมนำแนวทางพระราชดำริโครงการแก้มลิง โดยยกสระเก็บน้ำพระราม 9 เป็นต้นแบบในการบริหารจัดการน้ำ ถือเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับแนวคิดรัฐบาลที่กักเก็บน้ำต้นทุนที่อยู่ใต้เขื่อนมาใช้แก้ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง
ทันทีที่เดินทางมาถึงโครงการสระเก็บน้ำพระราม 9 นายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกับ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เพื่อน้อมนำแนวทางพระราชดำริมาปรับใช้ โดยเฉพาะโครงการแก้มลิง ที่สร้างพื้นที่กักเก็บน้ำ แก้ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้งได้อย่างเป็นระบบ และยังสอดคล้องกับแนวคิดของรัฐบาลในการจัดหาพื้นที่รับน้ำต้นทุนที่อยู่ใต้เขื่อนมาใช้ในยามจำเป็น
การยกโมเดลสระเก็บน้ำพระราม 9 มาเป็นต้นแบบในการบริหารจัดการน้ำจึงมีความสำคัญ เพราะแหล่งน้ำสร้างขึ้นจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเมื่อ 20 ปีที่แล้ว แต่ใช้ประโยชน์ได้จนถึงปัจจุบัน แก้วิกฤติอุทกภัยในปี 2554 และภัยแล้งในปี 2558-2559 ให้กับคนในพื้นที่ได้ ดังนั้นหากกระจายการทำแก้มลิงไปในพื้นที่อื่นจะยิ่งเกิดประโยชน์กับประชาชน
ตลอดการลงพื้นที่ จ.ปทุมธานี นายกรัฐมนตรีให้ความสนใจกับการติดตามโครงการพระราชดำริ ไม่ว่าจะเป็นการทำแก้มลิง และการทำเกษตรผสมผสานที่เพิ่มมูลค่าผลผลิต และแก้ปัญหาราคาตกต่ำ ทั้งยังใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลกำลังปรับพฤติกรรมการปลูกพืชให้เหมาะสมกับภูมิประเทศ อย่างการเปลี่ยนทำสวนปาล์มน้ำมันทดแทนการทำสวนส้มที่พบปัญหาผลผลิตตกต่ำจากดินเปรี้ยว รวมทั้งการทำเกษตรผสมผสานร่องสวน นอกเหนือจากการทำนาของคนในชุมชน ซึ่งจะเป็นต้นแบบความสำเร็จให้กับชุมชนอื่นด้วย
นายกรัฐมนตรียังขอความร่วมมือประชาชนปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก และรวมกลุ่มกัน เพื่อรัฐบาลจะเข้าไปช่วยเหลือง่ายขึ้น ยืนยันว่าปัญหาราคาตกต่ำไม่ได้เป็นผลจากการยึดอำนาจ เพราะรัฐบาลเดินหน้าแก้ปัญหาทุกด้าน พร้อมมองหาตลาดใหม่ทั่วโลก และนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มมูลค่า ไม่ได้ให้เลิกทำนา แต่ต้องปรับเปลี่ยนในบางพื้นที่เท่านั้น
นายกรัฐมนตรีย้ำมาตลอดว่าจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด แต่ก็ขอให้คนไทยน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาปรับใช้ เพื่อประโยชน์สุขของทุกคนในชาติต่อไป. – สำนักข่าวไทย