กรุงเทพฯ 7 ก.ค.-รมว.อุตสาหกรรม สั่งเร่งหาสาเหตุเพลิงไหม้โรงงานย่านลาดกระบัง กนอ. ย้ำทุกส่วนที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตรการ ป้องกันเหตุซ้ำรอยอย่างเคร่งครัด
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงกรณีบริษัท ฟลอรอลแมนูแฟคเจอริ่ง กรุ๊ป จำกัด ในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง โซน 3 ถนนฉลองกรุง แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กทม. โดยบริษัทฯได้ประกอบกิจการผลิตแชมพู สบู่ เจลอาบน้ำ โลชั่นทาผิว แอลกอฮอล์ และเจลล้างมือ และเม็ดพลาสติก ว่า ได้สั่งการให้ กนอ. ส่งเจ้าหน้าที่ฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมดูแลผลกระทบคุณภาพชีวิตของชุมชน และผู้ประกอบการโรงงาน โดยจะยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า โรงงานดังกล่าวฯ มีพื้นที่กว่า 4 ไร่ หรือ ประมาณ 7,960 ตารางเมตร มีพนักงานประมาณ 130 คน โดยเหตุเพลิงไหม้เกิดขึ้นบริเวณคลังเก็บสินค้า และวัตถุดิบ ซึ่งนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ได้ประสานไปยังสถานีดับเพลิง และนักผจญเพลิง ให้เข้าดำเนินการช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วน โดยสามารถควบคุมเพลิงได้ภายใน 3 ชั่วโมง (เวลา 20.13 น.) ซึ่งจุดเกิดเหตุเป็นอาคาร 2 ชั้น ด้านข้างมีถังเก็บสารเคมีกลุ่มแอลกอฮอล์ ประมาณ 70,000 ลิตร โดยอยู่ระหว่างการสอบสวนจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเพื่อหาสาเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ส่วนมูลค่าความเสียหายยังไม่สามารถประเมินได้ต้องรอให้มีการตรวจสอบรายละเอียดก่อน
ขณะที่น้ำที่ใช้ในการระงับเหตุเพลิงไหม้ กนอ.ได้ทำการปิดกั้นลำรางระบายน้ำฝนภายในและบริเวณโดยรอบโรงงาน เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำที่เกิดจากการดับเพลิงรั่วไหลออกสู่ภายนอกโรงงาน และให้บริษัทฯ เร่งบำบัดให้ได้ตามมาตรฐานที่ กนอ.กำหนดต่อไป
“กนอ.อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 สั่งการให้บริษัทฯ หยุดประกอบกิจการและปรับปรุงแก้ไขโรงงาน ซึ่งหลังจากนี้บริษัทฯต้องยื่นเอกสารแสดงผลการปรับปรุงอาคารโรงงานและตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของโครงสร้างอาคารและตรวจสอบความปลอดภัยของระบบอุปกรณ์ภายในโรงงาน ที่ต้องผ่านการรับรองจากผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญและจัดส่งให้ กนอ. พิจารณาตรวจสอบก่อน” นายวีริศ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ภายหลังสามารถควบคุมเพลิงได้ ผู้ว่าการ กนอ. ได้เรียกประชุมย่อยผู้เกี่ยวข้องในทันที หลังลงพื้นที่สังเกตการณ์ พร้อมสั่งการให้เร่งทบทวนมาตรการป้องกันต่างๆ ที่เกี่ยวข้องโดยด่วน ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นอีกต้องดำเนินการอย่างไร เพื่อให้เป็นไปด้วยความรวดเร็วและเกิดความเสียหายให้น้อยที่สุด เนื่องจากสิ่งที่ดำเนินการอยู่นั้นอาจยังไม่เพียงพอกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ต้องมีการตรวจสอบด้วยว่า ยังสามารถใช้งานได้อย่างปกติ และมีเพียงพอหรือไม่ เพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งจะเป็นการสร้างความมั่นใจกับให้ชุมชนรอบนิคมอุตสาหกรรมอีกด้วย ทั้งนี้ ในเวลา 14.30 นวันนี้ (7 ก.ค.64) ผู้ว่าการ กนอ.จะลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายพื้นที่ไฟไหม้อีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย