กองทัพบก 6 ก.ค.-กองทัพบกยังคงอยู่ในพื้นที่ไฟไหม้โรงงานย่านกิ่งแก้ว ร่วมประเมินสถานการณ์ ส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจเชื้อโควิดที่ศูนย์อพยพ พร้อมสั่งเตรียมทั้งกำลังพล เครื่องมือ อุปกรณ์ต่าง ๆ สนับสนุนเพิ่มเติมทันที่ที่ได้รับการร้องขอ ยันอยู่ช่วยจนเหตุการณ์ปกติ
พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพบกได้ส่งกำลังพล 265 นาย ยานพาหนะ 30 คัน จากกองพันทหารราบหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน และกองพลทหารราบที่ 11 เข้าช่วยงานบริการโดยรอบพื้นที่เกิดเหตุ ด้วยการอพยพประชาชนไปยังศูนย์อพยพ อบต.บางพลีใหญ่ และนำสิ่งของพระราชทาน เครื่องอุปโภคบริโภค เครื่องมือจำเป็นทางการแพทย์เข้าแจกจ่าย ตลอดจนส่งเจ้าหน้าที่เข้าสนับสนุนการตรวจเชื้อ COVID-19 ที่ศูนย์อพยพดังกล่าว พร้อมอำนวยความสะดวกด้านการจราจร
รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ส่วนการดับไฟ กองทัพบกได้สนับสนุนน้ำยาโฟมเพื่อใช้ในการดับเพลิง 26,860 ลิตร พร้อมนำชุดปฏิบัติการวิทยาศาสตร์จากกรมวิทยาศาสตร์ทหารบก ร่วมประเมินสารพิษและตรวจสอบคุณภาพร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ และเตรียมการเกี่ยวกับการชำระล้างสารเคมีที่อาจการรั่วไหลในที่เกิดเหตุ
“สำหรับปฏิบัติการดับไฟทางอากาศ ตลอดระยะเวลา 2 วันที่ผ่านมา นักบินจากกองพันซ่อมบำรุงอากาศศูนย์การบินทหารบก ได้นำเฮลิคอปเตอร์ KA-32 จำนวน 2 ลำ ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยขึ้นบินโปรยสารเคมีโฟมและน้ำ เพื่อควบคุมไฟรวม 47 เที่ยวบิน ส่วนการปฏิบัติในภาคพื้นดิน กองทัพบกได้นำรถฉีดโฟมดับเพลิงจากกองพลพัฒนาที่ 1 เข้าสนับสนุนภารกิจด้วย” พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าว
รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยกำชับให้เตรียมอุปกรณ์และเครื่องมือสนับสนุนการดับไฟและควบคุมเหตุการณ์อย่างเต็มศักยภาพ ควบคู่ไปกับการสนับสนุนภาคส่วนและกำลังพลจิตอาสาในการดูแลช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยในระยะเร่งด่วน โดยตลอดวันนี้ได้ประเมินสถานการณ์ร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อควบคุมการปะทุขึ้นอีก
“ยังคงมีความจำเป็นที่จะต้องประเมินและควบคุมเหตุการณ์ต่อเนื่อง ซึ่งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบกได้แจ้งเตือนให้หน่วยขึ้นตรงกองทัพบก เตรียมการสนับสนุนอื่น ๆ อาทิ อากาศยาน การเตรียมจัดตั้ง รพ.สนาม ทันทีเมื่อได้รับการร้องขอ พร้อมคงกำลังพลร่วมปฏิบัติการในพื้นที่จนกว่าสถานการณ์จะยุติ ส่วนการฟื้นฟูหลังเหตุการณ์สงบจะได้เตรียมสนับสนุนการสำรวจความเสียหาย การกลับคืนภูมิลำเนาของประชาชน การฟื้นฟูสถานที่และบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบร่วมกับทุกภาคส่วนต่อไป” พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย