จันทบุรี 5 ก.ค. – รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขติดตามโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.จันทบุรี พร้อมตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนกลุ่มผู้ที่อายุ 60 ปีขึ้นไป และกลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง
ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะ ร่วมเปิดโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้แก่ประชาชนคนไทย และแรงงานต่างด้าวที่อาศัยในพื้นที่ชายแดนของอำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอสอยดาว จำนวน 1,000 คน ซึ่งเป็นวัคซีนตามนโยบายควบคุมการระบาดในพื้นที่ชายแดนของกระทรวงสาธารณสุข
ดร.สาธิต ระบุว่า จังหวัดจันทบุรีมีชายแดนติดกับประเทศกัมพูชา ทำให้พื้นที่ชายแดนของจันทบุรีมีความเสี่ยง เนื่องจากการเดินทางของกลุ่มประชากรจากประเทศกัมพูชา รวมทั้งการระบาดที่เกิดขึ้นในพื้นที่ กระทรวงสาธารณสุขจึงมีนโยบายจัดสรรวัคซีนให้กับประชาชนในพื้นที่ชายแดนของอำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอสอยดาว ซึ่งการฉีดวัคซีนเชิงรุกไม่ได้ฉีดในเฉพาะคนไทย แต่ต้องฉีดให้กับแรงงานที่อยู่ในพื้นที่ด้วย เพื่อเป็นการควบคุมโรคไปกับพร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การจัดกิจกรรมในวันนี้จึงเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในการดูแลประชาชนอย่างทั่วถึงของเขตพื้นที่ชายแดน ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ขอให้คนที่ฉีดวัคซีนแล้วตระหนักอยู่เสมอว่าถึงแม้จะได้รับวัคซีนแล้ว แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการอย่างเข้มข้นต่อไป
สำหรับบรรยากาศการฉีดวัคซีนเชิงรุกสำหรับประชาชน และแรงงานต่างด้าวที่อาศัยในพื้นที่ชายแดนจันทบุรี พบว่ามีประชาชนและแรงงานต่างด้าวที่ทำงานอย่างถูกกฎหมาย เดินทางมารอรับบริการฉีดวัคซีนจำนวน 1,000 ราย แบ่งเป็นชายไทย 600 คน และแรงงานต่างด้าว 400 คน ซึ่งทุกคนจะต้องผ่านขั้นตอนลงทะเบียน คัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิ และรอคิวเพื่อซักประวัติ วัดความดัน และรับการฉีดวัคซีน ก่อนที่จะนั่งพักเพื่อรอดูอาการ 30 นาที และรอใบนัดหมายการฉีดวัคซีนอีกครั้ง
จากนั้นได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมสถานที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ศูนย์อัญมณีและเครื่องประดับ โรงแรมนิว แทรเวลลอร์ด และโรงพยาบาลสนาม มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี พร้อมให้กำลังใจทีมแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ ที่ปฏิบัติหน้าที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนกลุ่มผู้ที่อายุ 60 ปีขึ้นไป และกลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง.-สำนักข่าวไทย