นนทบุรี 1 ก.ค.-รัฐมนตรีพาณิชย์เผยผลหารือกับทูต สปป.ลาว โดยทั้ง 2 ประเทศพร้อมที่จะสร้างมูลค่าการค้าระหว่างเพิ่มขึ้นแม้อยู่ช่วงโควิดระบาด เตรียมเปิดด่านอีกเพิ่มอีก 7 ด่าน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวภายหลังหารือเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวนายแสง สุขะทิวง(H.E. Mr. Seng Soukhathivong) เข้าเยี่ยมคารวะว่า ทางเอกอัครราชทูต สปป.ลาวประจำประเทศไทย เห็นด้วยที่จะเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน ซึ่งตัวเลขการค้าปีที่แล้วระหว่างไทยกับ สปป.ลาว ตกรวมกัน 197,429 ล้านบาทหรือ 6,334 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการค้าชายแดนร้อยละ 95 โดยเป้าของทั้ง 2 ประเทศจะทำมูลค่าการค้าระหว่างกันให้ได้ถึง 11,000 ล้านบาทดอลลาร์สหรัฐในไม่ช้านี้ โดยช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้มีมูลค่าการค้าแล้วกว่า 93,605 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 23.6 โดยไทยส่งออกไป สปป.ลาว 53,773 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.53 นำเข้าจาก สปป.ลาว 5 เดือนของปีนี้ 40,832 ล้านบาท ประเทศไทยได้ดุลการค้าอยู่ที่ 11,940 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังได้หารือกับท่านทูตถึงการเปิดด่านไทย-ลาว หลังจากปิดชั่วคราวในการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ผ่านมา โดยด่านระหว่างกันอยู่ 49 ด่านขณะนี้เปิดดำเนินการอยู่เพียง 14 ด่าน ถ้ามีด่านที่จะเปิดเพิ่มได้เชื่อว่าจะสร้างมูลค่าการค้าระหว่างกันเพิ่มขึ้นตาม โดยทางท่านทูตจะนำเรื่องนี้กลับไปหารือกับทางการ สปป.ลาวได้ต่อไป ซึ่งในวันที่ 9-11 กรกฎาคมนี้จะเดินทางไปที่จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อที่จะไปดูด่านสำคัญที่ภาคเอกชนเรียกร้องอยากเปิดให้มีการค้าระหว่างกันด้วยเร็วภายใต้ข้อจำกัดโควิดคือที่ด่านบ้านปากแซง นาตาล จังหวัดอุบลราชธานี
อย่างไรก็ตาม ยังได้ขอให้ท่านทูตได้ช่วยประชาสัมพันธ์งานแสดงสินค้าของไทยในสปป.ลาวในช่วงครึ่งปีหลัง 3 งานคือ 1.งานแสดงสินค้า Mini Thailand Week 2021 ที่ตลาดคำม่วน เมืองท่าแขก ระหว่างวันที่ 21-25 กรกฎาคม ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่สินค้าอุปโภคบริโภค 2.ประเทศไทยผู้ประกอบการสินค้าไทยจะร่วมกับซุปเปอร์มาร์เก็ตริมปิงฝั่ง สปป.ลาว ระหว่างวันที่ 27- 29 สิงหาคม 3. งาน Thai Seafood Festival ที่เวียงจันทร์เซ็นเตอร์ นครหลวงเวียงจันทน์ระหว่างวันที่ 3-5 กันยายน เพื่อส่งเสริมการบริโภคอาหารทะเลให้ผู้บริโภคชาว สปป.ลาวได้มั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยของซีฟู้ดจากประเทศไทย
พร้อมกันนี้ ท่านทูต สปป.ลาว ได้หยิบยกขึ้นมาประเด็นสำคัญ คืออยากให้ประเทศไทยช่วยสนับสนุนการนำเข้าสินค้าเกษตรของฝั่งลาว ทั้งน้ำตาลทราย เมล็ดกาแฟหรือว่าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งแจ้งให้ทราบว่าประเทศไทยไม่ได้จำกัดในเรื่องของปริมาณการนำเข้าเพียงแต่ว่ารายละเอียดอื่นขอให้ระดับเจ้าหน้าที่ได้เจรจากันต่อไป อีกเรื่องคือกรณีที่ประเทศไทยกับ สปป.ลาวสามารถร่วมมือแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการผลิตการแปรรูปและการตลาดร่วมกันในสินค้าที่เกี่ยวข้องกับศิลปะหัตถกรรมหรือ OTOP ของ 2 ประเทศ ซึ่งได้มอบให้ศูนย์ส่งเสริมศิลปาอาชีพระหว่างประเทศของกระทรวงพาณิชย์ประสานงานกับกระทรวงการค้าของ สปป.ลาว รวมทั้งท่านทูตอยากเห็นการปลูกพืชเกษตรโดยเฉพาะพืชเกษตรอายุสั้นบริเวณแนวชายแดนที่อาจซ้ำซ้อนกับประเทศไทยว่าควรหารือร่วมกันเพื่อหลีกเลี่ยงผลผลิตล้นตลาด ซึ่งจะดำเนินการแจ้งให้กระทรวงมหาดไทยเจ้าของเรื่องที่มีคณะกรรมการเจรจาการค้าภายใต้การดูแลของกระทรวงมหาดไทยระหว่างพื้นที่ชายแดนที่ติดต่อกัน ให้หารือร่วมกันว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร เช่น การกำหนดแผนการปลูกร่วมกันบริเวณแนวชายแดน การเตรียมการแปรรูปหรือการทำการตลาดร่วมกันต่อไปในอนาคตอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย