กรุงเทพฯ 29 เม.ย.-เอ็มเทค สวทช. ส่งมอบ “เปลปกป้อง” ซึ่งเป็นเปลความดันลบสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์สู้โควิด-19 ระลอกใหม่ ช่วยผู้ป่วยโควิดเอกซเรย์-สแกนปอด โดยไม่ต้องออกจากเปล ลดการแพร่เชื้อแบบเบ็ดเสร็จ
นางกุลประภา นาวานุเคราะห์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุ (เอ็มเทคสร้างนวัตกรรมเปลความดันลบสำหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด-19 ใช้ชื่อว่า PETE (พีท) เปลปกป้อง ซึ่งออกแบบส่วนแคปซูลไร้โลหะ แข็งแรง ปลอดภัย ช่วยลดการแพร่กระจายเชื้อโควิด สามารถนำผู้ป่วยเข้าเครื่องเอกซเรย์-ซีที สแกนปอด ขณะอยู่บนเปล เพื่อคัดกรองอาการในสถานพยาบาล หรือเคลื่อนย้ายผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาลด้วยรถพยาบาล
ทั้งนี้สวทช. ได้ส่งมอบ PETE (พีท) เปลปกป้องรวม 5 ชุดให้แก่คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช โรงพยาบาลสนามเอราวัณ โรงพยาบาลเวชการุณย์รัศมิ์ มูลนิธิรวมน้ำใจ (คลองเตย) โรงพยาบาลวิภาวดี และโรงพยาบาลเซนต์เมรี่ จังหวัดนครราชสีมา เพื่อใช้ในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ ตั้งแต่การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยด้วยรถพยาบาลจนถึงการนำผู้ป่วยเข้าเครื่องเอกซเรย์ปอดและเครื่องซีที สแกน (CT scan) โดยไม่ต้องนำผู้ป่วยออกจากเปลความดันลบ ช่วยลดการแพร่เชื้อโรคบนอุปกรณ์ทางการแพทย์และสถานพยาบาล
นายศราวุธ เลิศพลังสันติ หัวหน้าทีมวิจัยการออกแบบและแก้ปัญหาอุตสาหกรรม เอ็มเทคกล่าวว่า ที่ผ่านมาเปลความดันลบทั่วไปในท้องตลาดยังมีข้อจำกัดในการใช้งานอยู่หลายประการและมีราคาที่สูงจึงคิดค้น “PETE เปลปกป้อง (Patient Isolation and Transportation Chamber)” อุปกรณ์สำหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเชื้อทางเดินหายใจ ประกอบด้วย 2 ส่วนหลักคือ เปลเคลื่อนย้ายผู้ป่วย (Chamber) มีลักษณะเป็นแคปซูลพลาสติกใสขนาดพอดีตัวคนและระบบสร้างความดันลบ (Negative pressure unit) เพื่อควบคุมการไหลเวียนอากาศภายในเปล เมื่อพาผู้ป่วยขึ้นนอนบนเปลและรูดซิปปิดเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่จะเปิดระบบปรับค่าความดันอัตโนมัติเพื่อให้อากาศจากภายนอกไหลเวียนเข้าสู่ตัวเปล ทำให้ผู้ป่วยหายใจได้สะดวก เมื่ออากาศไหลผ่านผู้ป่วยอาจมีเชื้อโรคที่ปนเปื้อนมาจากการหายใจ อากาศเหล่านั้นจะถูกดูดผ่านแผ่นกรองอากาศ (HEPA Filter) เพื่อกรองเชื้อโรค และทำการฆ่าเชื้อด้วยแสง UV-C ก่อนปล่อยออกสู่ภายนอก ทำให้มั่นใจได้ว่าอากาศเหล่านั้นปลอดเชื้อ นอกจากระบบฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพแล้ว ทีมวิจัยยังพัฒนาตัวเปลให้มีช่องสำหรับร้อยสายเครื่องช่วยหายใจและสายน้ำเกลือเข้าไปยังผู้ป่วย และมีถุงมือสำหรับทำหัตถการ 6 จุดรอบเปล เพื่ออำนวยความสะดวกในการรักษาให้กับบุคลากรทางการแพทย์
นอกจากนั้นแล้ว PETE เปลปกป้อง ยังช่วยทลายข้อจำกัดการใช้งานของเปลความดันลบเดิมที่มีทั่วไปในท้องตลาด ส่วนแรกคือระบบ Smart controller ทำหน้าที่ควบคุมความดันภายในเปลจึงสามารถใช้งานได้ทั้งบนภาคพื้นและบนอากาศ สามารถตรวจสอบการรั่วไหลของอากาศสู่ภายนอก (Pressure alarm) และแจ้งเตือนการเปลี่ยนแผ่นกรองอากาศ (Filter reminder) เมื่อถึงกำหนด ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับความปลอดภัยของผู้ป่วยและการควบคุมการแพร่ระบาดเชื้อที่ซึ่งได้ทำการทดสอบตามมาตรฐานสากลแล้ว ส่วนที่สองคือ สามารถนำเปลเข้าเครื่องเอกซเรย์และเครื่องซีที สแกนได้ เนื่องจากไม่มีโลหะเป็นส่วนประกอบ จึงไม่ต้องเคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกจากเปลความดันลบเหมือนกับอุปกรณ์อื่น ช่วยลดการแพร่กระจายเชื้อไปยังเครื่องมือต่างๆ และระบบปรับอากาศภายในโรงพยาบาล และลดภาระในการทำความสะอาด ส่วนสุดท้ายคือ ตัวเปลสามารถพับเก็บลงกระเป๋าและมีน้ำหนักเบา’ ทำให้พกพาได้สะดวกและติดตั้งง่ายเหมาะกับการใช้งานในรถพยาบาล ดังนั้นหากนำ PETE เปลปกป้อง มาใช้ตั้งแต่การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากที่พัก เจ้าหน้าที่จะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อได้เป็นอย่างดี ช่วยลดความเสี่ยงให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และผู้ใช้บริการสถานพยาบาลได้โดยเฉพาะช่วงที่มีการระบาด
ทั้งนี้ทีมวิจัยได้ประยุกต์ใช้ปืนพ่นนาโนบรรจุน้ำยาฆ่าเชื้อเบนไซออน ที่พัฒนาโดยนาโนเทค สวทช. สามารถทำความสะอาดได้ภายใน 10 นาทีและทำงานต่อได้ทันที อีกทั้งยังได้ความเชี่ยวชาญจากอาจารย์กนกลักษณ์ ดูการณ์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาแพทเทิร์นอุตสาหกรรมและการออกแบบเสื้อผ้าสำเร็จรูป (PATTERN IT) ช่วยออกแบบการตัดเย็บและขึ้นรูปนวัตกรรมเปลปกป้องให้มีความแข็งแรงปลอดภัย จึงนับเป็นผลงานการวิจัยไทยที่ผ่านการทดสอบคุณภาพ ISO 14644 และอยู่ในขั้นตอนการทำมาตรฐานความปลอดภัยทางไฟฟ้า IEC 60601-1 ซึ่งยืนยันถึงมาตรฐานความปลอดภัย โดยล่าสุดบริษัท สุพรีร่า อินโนเวชั่น จำกัด เป็นผู้รับอนุญาตให้สิทธิใช้ประโยชน์และรับถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเตรียมผลิตและจำหน่ายต่อไป
ด้าน ผศ.นพ.อนุแสง จิตสมเกษม รองคณบดีคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราชกล่าวว่า การระบาดของโรคโควิด-19 นั้น มีความสำคัญที่การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิดไปในแต่ละจุดอย่างมาก ซึ่งการมีเปลความดันลบจะทำให้การฆ่าเชื้อลดลงไปได้มาก ทั้งยังช่วยลดเวลา ลดจำนวนคนที่ต้องใช้ในสถานการณ์การแพร่ระบาด ที่สำคัญคือช่วยระวังเรื่องความปลอดภัยของบุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยโรคโควิด ซึ่งมีอยู่ค่อนข้างจำกัดและทำงานอย่างหนัก อย่างไรก็ดีในช่วง 1ปีที่ผ่านมา เราจะเห็นว่าหน้ากากอนามัยเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ทำให้ไม่เกิดการแพร่เชื้อโควิด-19 ดังนั้นตอนนี้เราต้องบอกเลยว่าเปลความดันลบ ที่ เอ็มเทค สวทช. ทำได้ถือเป็นนวัตกรรมที่จะเป็นแรงผลักดันทำให้ผู้ผลิต และผู้ที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ มีแรงผลักดันในการผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ใช้เองในประเทศ
ช่วงที่ผ่านมา การระบาดของโรคโควิด-19 สร้างความเจ็บปวดให้บุคลากรทางการแพทย์ที่สามารถซื้อหน้ากากอนามัยจากต่างประเทศมาใช้ได้ เช่นเดียวกับเปลความดันลบ ในวันที่เกิดโควิดครั้งแรกมูลค่าเปลความดันลบ สูงไปถึง 6.5 – 7 แสนบาท ทั้งๆ ที่ต้นทุนอยู่ที่แสนกว่าบาท ดังนั้นการพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์เพื่อให้ประเทศไทยช่วยตัวเองได้จึงเป็นความมั่นคงทางการแพทย์แบบหนึ่ง. – สำนักข่าวไทย