ตราด 5 เม.ย. – ธอส.ปล่อยสินเชื่อใหม่ไตรมาสแรกปีนี้ 46,847 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 10.79 ส่วนโครงการ “โครงการ ธอส. รวมไทย สร้างชาติ ปี 2564” ระยะ 2 ช่วยเหลือลูกค้าช่วงโควิด มีลูกค้าชำระหนี้ตามกำหนดได้มากกว่าร้อยละ 80
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ของปี 2564 ว่า จากปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2563 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2564 ส่งผลให้ประชาชนส่วนหนึ่งชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงต้นปี สะท้อนได้จากยอดการปล่อยสินเชื่อใหม่ช่วง 3 เดือนแรกของปี 2564 (1 มกราคม–31 มีนาคม 2564) เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปล่อยได้จำนวน 46,847 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 10.79 แบ่งเป็นสินเชื่อปล่อยใหม่สำหรับผู้มีรายได้น้อยและปานกลางวงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท จำนวน 20,686 ล้านบาท และผู้ที่ขอสินเชื่อวงเงินเกิน 2 ล้านบาท จำนวน 26,161 ล้านบาท ส่งผลให้ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1,346,920 ล้านบาท และมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 54,857 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4.07 ของยอดสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นปี 2563 ซึ่งมี NPL อยู่ที่ 47,572 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 3.60 ของสินเชื่อรวม
โดยจำนวน NPL ที่เพิ่มขึ้นเกิดขึ้นจากลูกค้าปัจจุบันของธนาคารที่ครบมาตรการช่วยเหลือบรรเทาผลกระทบจากโควิด-19 ระยะที่ 1 และไม่ต่อมาตรการช่วยเหลือของธนาคารระยะที่ 2 ประกอบกับมีลูกค้าบางส่วนที่ยังประสบปัญหาด้านรายได้ ขณะที่ข้อมูล ล่าสุด ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2564 ธนาคารสามารถจำหน่ายทรัพย์ NPA ได้แล้วเป็นจำนวนกว่า 1,000 ล้านบาท จากเป้าหมายการจำหน่ายทรัพย์ทั้งปีที่ 4,000 ล้านบาท
ขณะที่การให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระยะที่ 2 ผ่าน “โครงการ ธอส. รวมไทย สร้างชาติ ปี 2564” ด้วยมาตรการลดเงินงวดผ่อนชำระ และการขยายระยะเวลาความช่วยเหลือให้แก่ลูกค้าเดิมที่เคยอยู่ในมาตรการปี 2563 โดยภายหลังจากปิดให้ลูกค้าลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เพื่อขยายความช่วยเหลือเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564 มีลูกค้าเข้าร่วมมาตรการทั้งสิ้น 117,765 บัญชี คิดเป็นวงเงินต้นคงเหลือ 112,694 ล้านบาท โดยมีลูกค้าถึง 103,587 บัญชี คิดเป็นวงเงินต้นคงเหลือ 98,128 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 87 ที่มีสถานะการผ่อนชำระเงินงวดได้ตามเงื่อนไขของมาตรการ ส่วนการขยายระยะเวลาความช่วยเหลือลูกค้าที่ยังคงได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในมาตรการที่ 2 พักชำระเงินต้นและชำระเฉพาะดอกเบี้ยรายเดือน เป็นระยะเวลา 1 ปี ไปจนถึง 31 ธันวาคม 2564 ที่เปิดให้ลงทะเบียนในระหว่างวันที่ 1-29 มีนาคม 2564 พบว่ามีลูกค้าเข้าร่วมมาตรการทั้งสิ้น 5,285 บัญชี คิดเป็นวงเงินต้นคงเหลือ 5,364 ล้านบาท
ขณะเดียวกันธนาคารยังได้ทยอยตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสูงถึง 100,502 ล้านบาท เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับผลกระทบจากโควิด-19 ในอนาคต หรือคิดเป็นสัดส่วนต่อ NPL สูงถึง ร้อยละ183 สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นคงและความพร้อมในการรองรับผลกระทบจากโควิด-19 ในอนาคต และถือเป็นสถาบันการเงินของรัฐแห่งแรกที่มีการตั้งสำรองในระดับสูงเกิน 100,000 ล้านบาท ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ยังอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ร้อยละ 15.60 ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนด ทำให้ ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ธนาคารมีกำไรสุทธิจำนวน 3,300 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย