กทม. 25 มี.ค. – จับ ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มุกดาหาร เรียกรับเงิน 2 ล้าน แลกคืนของกลางไม้พะยูง เจ้าตัวยืนกรานปฏิเสธ
พลตำรวจตรีปัญญา ปิ่นสุข รองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง พร้อม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. และนายชีวะภาพ ชีวะธรรม รองอธิบดีกรมป่าไม้ ร่วมกันแถลงจับกุมนายสุรเดช อัคราช อายุ 58 ปี ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดมุกดาหารและนางสาวกษพรรณ แสงวิรุณ หรือทิพย์เกสร แสงวิรุณทร อายุ 28 ปี พร้อมของกลางเงินสดฉบับละ 1,000 บาท รวมเป็นเงิน 2 ล้านบาท โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง
คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายคำสะไหว พมมะจัน นักธุรกิจค้าไม้ชาว สปป ลาว ผู้เสียหาย เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบหรือ ปปป. เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับนายสุรเดช เนื่องจากผู้เสียหายกับพวกซึ่งเป็นผู้แทนPhongsavanh wood industy เจ้าของลิขสิทธิ์ในไม้พะยูงจำนวน 11 ตู้คอนเทนเนอร์ มูลค่า 600 ล้านบาทถูกรัฐบาลไทยยึดไว้ตั้งแต่ปี 2549 เป็นคดีความที่ถูกนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลไทย เป็นคดีระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดมุกดาหารกับนางอรัญญา อุปติสิงห์ และ บริษัท มีแอล.เอ็นเตอร์ไพรส์ (1991) จำกัด จำเลย ในความผิดเกี่ยวกับเอกสารและมีการต่อสู้คดีความกันยาวนานในชั้นศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์จนในที่สุดศาลฎีกามีคำพิพากษายกฟ้องจำเลยและให้คืนไม้ของกลางแก่ผู้เสียหาย
ผู้เสียหายจึงได้ดำเนินการตามขั้นตอนทางเอกสารเพื่อขอรับหมายของกลางคืนตามคำพิพากษาซึ่งต้องประสานงานระหว่างหน่วยงานที่ร่วมจับกุมและยึดของกลางไว้คือตำรวจป่าไม้และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ต่อมานายสุรเดช ผู้ต้องหาเป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่ร่วมกันตรวจยึดไม้พะยูงของกลางได้ติดต่อผู้เสียหายเรียกรับเงินจำนวน 2 ล้านบาท แลกกับการที่นายสุรเดช ผู้ต้องหาจะตรวจสอบหนังสือของกองกฎหมายสำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมว่าไม่ขัดข้องที่จะคืนไม้ของกลางให้กับนายคำสะไหว ผู้เสียหาย แต่ นายคำสะไหว เห็นว่าเป็นการขูดรีดนักธุรกิจต่างชาติที่ไม่เป็นธรรมของข้าราชการไทยจึงเดินทางไปร้องทุกข์ดำเนินคดี
กระทั่งวันที่ 24 มีนาคม 2564 นายสุรเดชได้นัดหมายให้ผู้เสียหายนำเงินไปมอบให้ที่จังหวัดมุกดาหาร ผู้เสียหายจึงรายงานให้ตำรวจชุดจับกุมทราบก่อนร่วมกันวางแผนจับกุมโดยผู้เสียหายนำเงินสดจำนวน 2 ล้านบาท ที่ทำตำหนิไว้ปึกละ 100,000 บาท ใส่ไว้ในถุงพลาสติกหูหิ้วแล้วเดินทางไปส่งมอบให้กับนายสุรเดช ผู้ต้องหา ที่ร้านกาแฟใกล้สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมจังหวัดมุกดาหาร
หลังนายสุรเดชผู้ต้องหาได้พบกับผู้เสียหาย นายสุรเดชได้สั่งการให้นางสาวกษพรรณ ผู้ต้องหาที่ 2 ไปรับเงินจำนวน 2 ล้านบาท จากรถของผู้เสียหายที่จอดอยู่ด้านหลังร้านกาแฟ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวจับกุม เบื้องต้นนายสุรเดชให้การปฏิเสธ ส่วนนางสาวกศพรรณ ให้การรับสารภาพ
ด้านนายชีวะภาพ ชีวะธรรม รองอธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า เบื้องต้นได้ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวแล้ว แม้จะยังไม่มีคำสั่งให้ออกจากราชการแต่หากพบคดีมีมูล และมีความผิดจริงมีโทษถึงขั้นให้ออกจากราชการอยู่แล้ว
สำหรับนายสุรเดช ถูกแจ้งข้อหาเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ชอบเพื่อการกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบด้วยหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่ ตาม ป. อาญามาตรา 159 และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตาม ป.อาญามาตรา 157
ส่วน น.ส.กษพรรณ ถูกแจ้งข้อหาเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ชอบเพื่อการกระทำหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วยกฏหมายตามป.อาญามาตรา 159 และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตาม ป.อาญามาตรา 157.- สำนักข่าวไทย