กรุงเทพฯ 17 มี.ค.-สตม. บุกทลายเครือข่ายแอปฯ ปล่อยเงินกู้ออนไลน์ จับ 8 ผู้ต้องหา ทำหน้าที่โทรทวงหนี้ พบมีนายทุนชาวจีนอยู่เบื้องหลัง เหยื่อกว่า 15,000 ราย
พลตำรวจโทสมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหา 8 ราย ในฐานความผิดร่วมกันประกอบธุรกิจ สินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต และให้บุคคลอื่น กู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ พร้อมยึดของกลาง เป็นโทรศัพท์มือถือ จำนวน 30 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก กว่า 35 เครื่อง และสมุดบัญชีลูกหนี้ จำนวนหนึ่ง
การจับกุมในครั้งนี้ เนื่องจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหาย ที่กู้เงินผ่านแอปพลิเคชัน Yoo Card และมีการเรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราสูง ซึ่งการสืบสวนของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองพบว่า กลุ่มเครือข่ายแอปพลิเคชันปล่อยเงินกู้นี้มี นางสาวแอ้ม (นามสมมุติ) หญิงสาวชาวไทย ได้ร่วมกับนายทุนชาวจีน ดำเนินการปล่อยเงินกู้ผ่านแอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือ และยังมีการจัดตั้งสำนักงานที่ใช้ในการติดตามทวงหนี้ อยู่ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร จึงดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเข้าตรวจค้นและตรวจสอบอาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ย่านถนนเอกชัย จังหวัดสมุทรสาคร
จากการเข้าตรวจค้นพบว่าชั้นล่างของอาคารอยู่ระหว่างการปรับพื้นที่เป็นร้านกาแฟ เชื่อว่าทำไปเพราะต้องการตบตาเจ้าหน้าที่ ส่วนที่ชั้น 2 และชั้น 3 มีการดัดแปลงเป็นห้องเล็กๆ หลายห้อง โดยมีผู้ต้องหาทั้ง 8 คน นั่งทำงานอยู่ ทำหน้าที่ในการติดตามทวงหนี้ ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ และมีบางส่วนกำลังหลบหนี
โดยภายหลังการจับกุม ผู้ต้องหาทั้งหมดรับสารภาพว่าทำหน้าที่ในการโทรทวงหนี้ลูกหนี้ต่างๆ ที่มาจากแอปพลิเคชัน Uwallet / Ant Loan / Yoo Card / Majic Card และ Bee Bath ซึ่งแต่ละแอปฯ จะให้กู้เงินจำนวนตั้งแต่ 2,000-5,000 บาท โดยจะคิดค่าธรรมเนียม 39% และคิดดอกเบี้ย 0.05% ต่อวัน และให้ชำระคืนใน 7 วัน เช่น หากมีการกู้เงิน 2,000 บาท จะได้เงินกู้เพียง 1,220 บาท และเมื่อครบกำหนดชำระค้องชำระคืน เป็นจำนวนเงิน 2,007 บาท
ด้านพลตำรวจตรี พันธนะ นุชนารถ ผู้บังคับการสืบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง บอกว่า พฤติกรรมของกลุ่มเครือข่ายนี้ เมื่อมีคนหลงโหลดแอปเงินกู้ออนไลน์ของเครือข่ายเข้าไปที่โทรศัพท์แล้ว และเริ่มขั้นตอนการสมัคร ตัวแอปจะเข้าถึงข้อมูลในโทรศัพท์มือถือ ทั้งรูปถ่าย เบอร์ติดต่อบุคคลอื่นๆในบัญชีชื่อผู้ติดต่อของผู้กู้ และหากผิดนัดชำระจะโทรไปทวงที่บุคคลอื่นๆ รอบตัวผู้กู้เพื่อสร้างความอับอาย หรือในบางรายจะนำภาพถ่ายที่ดึงมาจากโทรศัพท์ผู้กู้ มาตัดต่อและประจาน จากการตรวจสอบขณะนี้พบว่ามีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อของเครือข่ายนี้กว่า 15,000 ราย มีเงินหมุนเวียนในระบบหลายล้านบาท ซึ่งในส่วนของนายทุนชาวจีน ต่อจากนี้ทาง สตม. จะสืบสวนขยายผลและติดตามจับกุมหัวหน้าขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
หนึ่งในผู้เสียหาย ระบุว่า ตนเองหลงกู้เงินจากแอปพลิเคชันเหล่านี้ไปกว่า 13 แอปฯ มูลค่าหนี้กว่า 36,000 บาท แต่ได้เงินมาจริงเพียงแค่ 20,000 กว่าบาท เคยถูกขู่จะเอาชีวิต เมื่อผิดนัดชำระหนี้หลายครั้ง จึงตัดสินใจหยุดกู้และเข้าร้องทุกข์ในครั้งนี้
ล่าสุดตำรวจต้องข้อหาในความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจ สินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต และให้บุคคลอื่น กู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกําหนดไว้”.-สำนักข่าวไทย