กทม. 30 ส.ค.-“บิ๊กโจ๊ก” จ่อไปกัมพูชา จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ชนวนเหตุพ่อฆ่ายกครัว 3 ศพ พบกด ATM 9 แสนบาท หอบข้ามประเทศส่งหัวหน้าชาวจีน ขณะที่ออกหมายจับ 11 ราย รวบได้ 3 ราย สอบปากคำยอมรับรู้ว่าเป็นเงินผู้ตาย
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยหลังการประชุมคลี่คลายคดีฆ่ายกครัวที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ หลังถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกกู้เงินออนไลน์ กว่า 1.7 ล้านบาทจนต้องก่อเหตุสลด ว่า ในวันพรุ่งนี้ (31 ส.ค.) เตรียมเดินทางไปประเทศกัมพูชา เพื่อประสานตำรวจฝั่งกัมพูชา ทลายฐานปฏิบัติการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เป็นต้นตอของการฆ่ายกครัวในครั้งนี้ เบื้องต้นวันนี้ได้ส่งตำรวจชุดทำคดีเดินทางล่วงหน้าไปฐานคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวแล้ว
จากข้อมูลตอนนี้ทางพนักงานสอบสวน สภ.บางแก้ว ได้ออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวม 11 คน ในความผิดตาม พ.ร.บ. มีส่วนร่วมในองค์กรข้ามชาติซึ่งตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้แล้ว 2-3 ราย ในพื้นที่แนวชายแดนภาคตะวันออก โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำ และในวันพรุ่งนี้จะเดินทางไปสอบปากคำด้วยตัวเองอีกครั้ง เบื้องต้นผู้ต้องหายอมรับว่ารู้ตัวแล้วว่าเป็นต้นตอและเงินที่ไปกดจากเอทีเอ็มเป็นของครอบครัวนี้ แต่เบื้องต้นก็ยังไม่ได้รู้รายละเอียดว่าผู้ต้องหาให้การว่าอะไรบ้าง
สำหรับผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัว พบเป็นบัญชีม้าแถว 1 และแถว 2 ทำหน้าที่กดเงินหน้าตู้เอทีเอ็ม โดยจากข้อมูลคนที่ทำหน้าที่ตระเวนกดเงินจากเอทีเอ็มในประเทศไทยตามแนวชายแดน มี6คน กดเงินรวมทั้งหมด 16 ครั้ง เป็นเงิน 900,000 บาท ก่อนที่จะถือเงินสดข้ามประเทศไปส่งให้หัวหน้าแก็งคอลเซ็นเตอร์ที่ฐานมีปฏิบัติการอยู่ที่กัมพูชา ส่วนเงินที่เหลืออีก 8 แสนบาท นำไปลงทุนในคริปโตฯ โดยมั่นใจจะสามารถติดตามขยายผลได้ ส่วนคนไต้หวันเป็นตัวการใหญ่ และมีชาวกัมพูชาและคนไทย เป็นลูกทีมคอยหลอกเหยื่อ
รอง ผบ.ตร. ยืนยันว่าจากการสืบสวนเรื่องนี้ ผู้ตายไม่ได้กู้เงินผ่าน แอปเงินกู้ออนไลน์ แต่เป็นขบวนการที่แก๊งคอลเซนเตอร์แก๊งนี้หลอกลวงขึ้นมา เพื่อหลอกผู้ตายเท่านั้น เพราะรู้ว่าผู้ตายต้องการกู้เงิน โดยจะเปลี่ยนรูปแบบการหลอกไปเรื่อยๆตามความต้องการของคน มั่นใจว่าจะสามารถดำเนินคดีกับตัวการ ซึ่งจะทำให้ขยายผลเชื่อมโยงไปถึงคดีอื่นที่ถูกหลอกก่อนหน้านี้ด้วย
ส่วนกรณีที่ครอบครัวผู้เสียชีวิตไปกู้เงินกับเพื่อนบ้าน พบมีการยืมเงินจริง แต่ไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้ก่อเหตุฆ่ายกครัว เบื้องต้นตัวผู้ก่อเหตุที่เป็นสามีทางตำรวจได้ดำเนินคดีในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยล่าสุดได้ย้ายตัวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาฯ โดยมีตำรวจควบคุมตัวตลอดเวลา สวนมูลเหตุเรื่องการถูกหลอกผู้ต้องหาสามารถแถลงต่อศาลได้ ซึ่งตำรวจยืนยันว่าจะดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมาเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย.-สำนักข่าวไทย