บุรีรัมย์ 10 ต.ค.- หลวงพ่อวัดดัง อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ ติดต่อกู้เงินออนไลน์ ตั้งใจจะนำไปซื้อรถมือสองพาแม่วัย 80 ป่วยเบาหวาน และพี่ชายเป็นมะเร็งลำไส้ ไปรักษา สุดท้ายถูกหลอกอ้างเป็นค่าเอกสารดำเนินการ และปลดล็อกระบบก่อนปล่อยกู้ สูญเงินร่วมครึ่งแสน
พระสมัย อายุ 53 ปี พระลูกวัดแห่งหนึ่งใน ต.ช่อผกา อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ ได้นำหลักฐานสลิปการโอนเงิน ข้อความสนทนาผ่านแอปพลิเคชันไลน์ เข้าแจ้งความที่ สภ.ชำนิ ให้เอาผิดกับแก๊งมิจฉาชีพที่หลอกให้กู้เงินผ่านแอปเงินกู้ออนไลน์ สุดท้ายกลับถูกหลอกสูญเงินไป 50,000 บาท โดยหลวงพ่อสมัยเล่าว่า หลังจากแม่ซึ่งแก่ชราอายุ 80 ปี ป่วยเป็นเบาหวาน ความดัน และล่าสุดต้องผ่าตัดสะโพก ขณะที่พี่ชายอายุ 57 ปี ก็ป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ ต้องไปหาหมอทุกอาทิตย์ จะต้องจ้างรถคนอื่นให้พาไปโรงพยาบาล จึงเกิดความคิดว่าอยากจะซื้อรถมือสองราคาถูกๆ สักคันไว้ให้คนขับพาแม่กับพี่ชายไปหาหมอ ก็มีโยมคนหนึ่งบอกจะขายรถยนต์ต่อให้ในราคาเพียง 25,000 บาท เห็นว่าราคาถูกดีจึงตัดสินใจไปยืมเงินพระลูกวัดอีกรูปมาจำนวน 25,000 บาท เพื่อไปซื้อรถคันดังกล่าว แต่พอซื้อมาแล้วก็ต้องซ่อมช่วงล่างและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องอีกประมาณ 20,000 บาท
ตอนนั้นอาตมาไม่มีเงิน จู่ๆ เห็นแอปกู้เงินออนไลน์เด้งเข้ามาในมือถือจึงเปิดดู ในแอประบุว่าดอกเบี้ยร้อยละ 4 บาทต่อเดือน ส่งผ่อนชำระเดือนละ 4,000 บาท รวม 13 งวด จึงคิดว่าน่าจะจ่ายได้ โดยตั้งใจจะกู้ 50,000 บาท ซึ่ง 25,000 บาท เอาไปจ่ายคืนให้พระลูกวัดที่อาตมาไปยืมเขามาซื้อรถ ส่วนอีก 25,000 บาท ก็เก็บไว้เป็นค่าซ่อมรถให้ใช้งานได้ จึงตัดสินใจติดต่อไปกู้เงินผ่านแอปดังกล่าว พออาตมากดเลข 9 ยืนยันจะกู้เงินทางแอปก็ติดต่อกลับมาว่าจะต้องมีค่าเอกสารก่อน 5,000 บาท จึงโอนไปให้ 5,000 บาท ในวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ชื่อบัญชีปลายทางที่โอนไปเป็นผู้ชาย จากนั้นมีพนักงานเป็นผู้หญิงติดต่อกลับมาหาว่าโอนเงินผิดเงื่อนไขของบริษัท จะต้องโอนไปอีก 20,000 บาท เพื่อปลดล็อกระบบ จึงไปยืมเงินญาติมาโอนให้ 20,000 บาท แต่ระบบก็ยังไม่เห็นปลดล็อกให้ จากนั้นผู้ชายก็ติดต่อกลับมาว่าต้องโอนไปอีก 25,000 บาท แล้วระบบถึงจะปลดล็อกและสามารถกู้เงินได้ พร้อมโอนเงินที่จ่ายไปคืนให้ จึงหลงกลโอนไปอีก 25,000 บาท รวมเป็นทั้งหมด 50,000 บาท แต่กลับไม่ได้เงินที่ขอกู้แต่อย่างใด จึงมั่นใจว่าน่าจะถูกหลอกแน่นอน จึงได้นำหลักฐานเข้าแจ้งความที่ สภ.ชำนิ ให้ดำเนินคดีกับแก๊งมิจฉาชีพดังกล่าว
หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชำนิ ก็จะรวบรวมเอกสารหลักฐานทั้งหมด และประสานคนที่มีรายชื่อที่พระสมัยได้โอนเงินไปให้มาสอบปากคำทั้งหมด แต่หากไม่มาก็จะต้องออกหมายเรียก และหมายจับตามขั้นตอนต่อไป.-สำนักข่าวไทย