สธ.8 มี.ค.-อนุทิน เผยสภาอุตสาหกรรมฯ เสนอออกค่าใช้จ่ายฉีดวัคซีนให้ในแรงงานต่างด้าว ด้าน อย.เผยมีอีก 2 บริษัทวัคซีนยื่นเอกสารขอขึ้นทะเบียน เป็นของ จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน และบารัต
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า วันนี้ สธ. ได้หารือร่วมกับผู้ประกอบการ ผู้บริหารโรงพยาบาลเอกชนถึงนโยบายการนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยโรงพยาบาลภาคเอกชน ซึ่ง สธ. ได้เรียนไปยังผู้บริหาร รพ.เอกชนทุกท่านที่มีเจตนารมณ์ชัดเจน ว่า ยินดีสนับสนุนให้ รพ.ภาคเอกชน นำเข้าวัคซีนที่ขึ้นทะเบียนวัคซีนและขึ้นทะเบียน รพ.เพื่อนำมาฉีดสำหรับประชาชนที่ยินดีไปรับการฉีดวัคซีนเพื่อความสะดวกภายใน รพ.เอกชน
ส่วนขั้นตอนการนำเข้า ยืนยันว่าสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) พร้อมอำนวยความสะดวกในการขึ้นทะเบียน ออกเอกสารต่างๆ เพื่อรับรองว่าวัคซีนมีความปลอดภัยได้มาตรฐาน พร้อมกล่าวว่าสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้า ยื่นแสดงความจำนงว่า ต้องการฉีดวัคซีนโควิดให้แรงงานต่างด้าว พร้อมออกค่าใช้จ่ายเอง
นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน กล่าวว่าขณะนี้มี รพ.เอกชน หลายแห่ง มีความสนใจบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชน โดยยื่นขอจัดตั้งเป็นบริษัทยากับ อย.เพื่อขอนำเข้ายาและชีววัตถุ พร้อมติดต่อบริษัทผลิตวัคซีนต่างประเทศหลายแห่ง เพื่อนำเอกสารมายื่นให้ อย.รับรอง แล้วส่งมอบให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตรวจสอบรับรองรุ่นการผลิต คาดว่าขั้นตอนที่ได้รับอนุญาตจาก อย. เท่าที่คุยไม่เกิน 30 วันจะแล้วเสร็จ
นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการ อย. กล่าวว่า ขณะนี้มี 4 บริษัทยาที่มายื่นขึ้นทะเบียนวัคซีน ซึ่งผ่านการรับรองและมีวัคซีนเข้ามาในประเทศไทยแล้ว 2 บริษัท คือบริษัทแอสตราเซเนก้า และบริษัทซิโนแวค ส่วนอีก 2 บริษัทอยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสารขึ้นทะเบียน คือวัคซีนจากจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ตัวแทนในประเทศไทยประเทศโดยบริษัท แจนเซน และบริษัทบารัต ไบโอเทค เทคโนโลยี โดยบริษัทไบโอเจนเนติก (วัคซีนเชื้อตาย)-สำนักข่าวไทย