ราชบุรี 3 มี.ค.- ผู้การตำรวจเผยยังไม่ฝากขัง ส.จ.ที่ยิงในงานศพ พร้อมทั้งจะเรียกเอาอาวุธปืนที่ผู้ต้องหาครอบครอง มาตรวจสอบทั้งหมด
เหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงเข้าไปในศาลาที่ตั้งศพ ภายในวัดท่ามะขาม อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ทำให้นางวราพร เนียมรักษา ผู้สมัครนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลดอนทรายผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บ 6 คน 1 ในนั้นคือ นายยิ่งพันธ์ กันเกตุ กำนันตำบลดอนทราย อาการสาหัส โดยเหตุเกิดเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 1 มี.ค.64 ที่ผ่านมา ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนจนมีหลักฐานว่า นายวันชาติ เนียมรักษา สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี เป็นผู้ที่ใช้อาวุธปืนยิงเข้าไปภายในศาลาดังกล่าว จึงได้ทำการขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดราชบุรี และต่อมานายวันชาติ ได้ติดต่อขอเข้ามอบตัว ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ล่าสุด พล.ต.ต.ปรัชญา ประสานสุข ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ราชบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังสอบปากคำนายวันชาติไม่เสร็จ น่าจะฝากขังวันพรุ่งนี้ ที่ศาลจังหวัดราชบุรี วันนี้จะต้องให้ผู้ต้องหาไปนำอาวุธปืนทั้งหมดที่อยู่ในความครอบครองของผู้ต้องหา ทราบว่ามีหลายกระบอก รวมทั้งที่ได้ขายไปแล้ว ก็จะต้องเรียกคืนมา เพื่อนำไปตรวจทั้งหมด และนำมาเปรียบเทียบกับหัวกระสุนที่พบในตัวของผู้ตายว่ามีปืนกระบอกไหนตรงบ้าง ส่วนปลอกกระสุน หัวกระสุน ที่เก็บได้ทั้งหมดในจุดเกิดเหตุขณะนี้ ทางพนักงานสอบสวน สภ.โพธาราม ได้ส่งไปตรวจแล้ว แต่ยังคงต้องรอผล ส่วนผู้ต้องหานั้นก็ยังคงให้การปฏิเสธ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีพยานหลักฐานมากพอ จนสามารถที่จะออกหมายจับได้ จึงไม่น่าหนักใจอะไร และจะคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ เกรงว่าถ้าได้รับการประกันตัวออกมาอาจจะหลบหนีไป
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บนั้นหลายคนอาการดีขึ้น ซึ่งทางพนักงานสอบสวนก็จะต้องทยอยเข้าไปสอบปากคำ เพื่อนำมาเป็นหลักฐานด้วย
นางสาวศิริพร เนียมรักษา อดีต ส.จ.ราชบุรี ลูกสาวของผู้ตาย บอกว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะคนที่ก่อเหตุเป็นพี่น้องกัน แม่ไม่เคยมีปัญหากับใคร แต่สาเหตุน่าจะมาจากเรื่องการเลือกตั้ง เนื่องจากแม่ได้ลงสมัครนายกเทศบาลดอนทราย ในพื้นที่เขตดอนทราย โพธาราม พร้อมยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
เช่นเดียวกับ นายเชาวลิต เนียมรักษา อดีต ส.จ.ราชบุรี สามีผู้ตาย เชื่อสาเหตุมาจากเรื่องการเมือง ผู้ต้องหาก็เป็นน้องชายแท้ ๆ ของตน ซึ่งตนเองและภรรยาก็เคยช่วยเหลือหาเสียงตลอด ไม่เคยมีปัญหากัน แต่หลังจากมาลงการเมืองกลายเป็นอื่นไป.-สำนักข่าวไทย