รัฐสภา 17 ก.พ. -“วรรณวิภา” ก้าวไกล อัด “รัฐมนตรีแรงงาน” บริหารงานล้มเหลวไม่ปกป้องแรงงาน-เบียดเบียนเงินประกันสังคม ด้าน “สุชาติ” โต้ จัดจ๊อบเอ็กซ์โป ขอเม็ดเงิน 19,000 ล้าน ไม่ละลายหายไป แจงโครงการ ม.33 เรารักกัน ไม่ใช่เงินกองทุนประกันสังคม
นางสาววรรณวิภา ไม้สน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ว่า ไม่สามารถแก้ไขปัญหาแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19ได้จริง บริหารงานบกพร่อง โรงงานหลายแห่งต้องปิดกิจการ ภาคแรงงานตกงานมหาศาล ขณะเดียวกันมาตรการเยียวยาไม่ชัดเจนและตรงจุด นำเงินของกองทุนประกันสังคมไปใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย ออกมาตรลดเงินประกันสังคมโดยไม่สนับสนุนเงินสมทบกลับคืนเข้ากองทุนฯ ทำให้กองทุนฯสูญเสียรายได้กว่า 6.8 ล้านบาท
นอกจากนี้การแก้ไขปัญหานักศึกษาจบใหม่ที่ตกงานด้วยวิธีการ Co Payment โดยการร่วมมือกับบริษัทเอกชนรับเข้าทำงาน ไม่ประสบความสำเร็จ เกิดการจ้างงานจริงเพียง 5,762 อัตรา ขณะที่การจ้างของภาครัฐในช่วงโควิด-19 ไม่เป็นตามกฎหมายแรงงานบางแห่งจ่ายค่าจ้างเพียง 5000 ต่อเดือนเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นความล้มเหลวของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
ด้านนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ขึ้นชี้แจง ยืนยันควบคุมโควิดแรงงานต่างด้าว การขึ้นทะเบียนนายจ้างเป็นผู้จ่าย
ขณะที่นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ชี้แจงข้อสงสัยการอภิปรายเรื่องกองทุนประกันสังคม ว่า แม้ตนจะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีไม่นาน แต่ทราบถึงปัญหาเงินกองทุนประกันสังคมทุกรัฐบาลได้ติดค้งไว้เป็นแสนล้าน มีรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเพียงรัฐบาลเดียวที่คืนให้สมทบปีละกว่า 40,000 ล้าน ขณะนี้เงินกองทุนที่รัฐบาลที่ผ่านมาค้างอยู่ 1.6 หมื่นล้าน
นายสุชาติ ยอมรับว่าได้ใช้เงินประกันสังคมในการช่วยเหลือเยียวยา แต่หากไม่ช่วยเหลือเยียวยา แล้วใครจะช่วยเหลือ จะนำเงินรัฐบาลในวันนั้นมาช่วยก็ไม่มีเงินกู้ สาเหตุการว่างงานครั้งที่ 1 ซึ่งรัฐบาลได้จ่ายเงินช่วยเหลือ หลังรัฐบาลประกาศล็อกดาวน์คนละ 5,000 บาท จำนวน 3 เดือน ทางประกันสังคมได้มีการช่วยเหลือเยียวยาเหตุสุดวิสัย 50% ทุกเหตุการณ์ แต่ที่จำเป็นต้องปรับมาเป็น 62% เนื่องจากค่าแรงขั้นต่ำอยู่ที่ 313 บาท โดยจะได้รับเงิน 5,043 บาทเป็นขั้นต่ำ พร้อมกับระบุว่าหากให้นายจ้างหรือลูกจ้างส่งเงินสมทบเต็ม ก็จะทำให้มีความเดือดร้อน ซึ่งเงินเหล่านี้จะถูกส่งเข้าในระบบรากหญ้า
ส่วนโครงการสินเชื่อเพื่อการจ้างงาน 30,000 ล้าน ดอกเบี้ยต่ำ ยืนยันว่าไม่ใช่การเอาใจผู้ประกอบการ แต่มีข้อตกลงในการรักษาการจ้างงานเป็นระยะเวลา 3 ปี
นายสุชาติ ยังกล่าวว่า ในช่วงที่ตนมารับตำแหน่งมีคนตกงานจำนวนมาก ตนจึงจัดงานจ๊อบเอ็กซ์โป โดยใช้งบประมาณไม่กี่ล้าน เสนอ ครม. นายกรัฐมนตรี และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน การจัดงานล้านคน ล้านตำแหน่ง เป็นสิ่งที่ดูเหมือนยาก แต่มีเอกชนจ้างงาน 1 ไตรมาส และอีก 1 เดือน มีการจ้างงานในภาคเอกชน 329,103 แหน่ง งานภาครัฐกว่า 600,000 ตำแหน่ง การที่ตนขออัตรา 260,000 เม็ดเงิน 19,000 กว่าล้าน ยืนยันว่าเม็ดเงินที่พูดใช้ไปตามความเป็นจริงไม่ได้เอาเงิน 19,000 ล้านบาทไปละลายหายไป จ้างเท่าไหร่จ่ายเท่านั้นนี่คือความจริง พร้อมชี้แจงว่าการจ้างงาน Co-payment ไม่เป็นไปตามเป้า เนื่องจากช่วงที่จัดงานปลายเดือนกันยายนต้นเดือนตุลาคม ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงเดือนนักศึกษาจบใหม่ในช่วงเดือนเมษายน และเจ้าของเอกชนไม่ได้ต้องการจ้างงานนักศึกษาจบใหม่ ต้องการให้คนเข้ามาเรียนรู้และอยู่ไปนานๆ
ส่วนการชดเชยผู้ประกันตนในมาตร 33 ที่ได้รับผลกระทบ กว่า 11 ล้านคน ตนทราบว่าหากโครงการเราชนะออกมา หากไม่มีโครงการ ม.33 เรารักกัน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอาจต่อว่าตนมากกว่านี้ แต่ตนยืนยันว่าโครงการนี้ไม่ได้ใช่โครงการเงินกองทุนประกันสังคม แต่เป็นเงินกู้
ส่วนกรณีการปล่อยปละละเลยไม่ดูแลแรงงานต่างด้าว ตนได้ถกปัญหาร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หากบุกจับก็เหมือนฝีที่จะแตก ต้องให้อยู่กับที่ จึงต้องเสนอเข้าครม.นำคนนอกระบบเข้าสู่ระบบ หากไม่ควบคุมแรงงานให้อยู่กับที่ ก็จะมีการนำแรงงานออกจากพื้นที่เนื่องจากกลัวความผิด
นายสุชาติ ยังได้ชี้แจงในกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ยุยงปลุกปั่น ว่า ต้นมีเพื่อนทุกพรรค และไม่อยากพูดในสิ่งที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้กล่าวหาตน บ่นไม่อยากให้เอาเรื่องความจงรักภักดี ของคนไทยทั้งชาติหรือความจงรักภักดีของประชาชนชาวชลบุรี ซึ่งตนเป็นผู้แทนชาวชลบุรีไม่ควรเอามาอภิปรายในเวทีแห่งนี้ ถ้าตนจะพูดหรือไม่พูดออกไปในสิ่งที่เห็นแต่เหรียญด้านเดียวคงไม่ได้ ระหว่างนั้น นายสุชาติ ได้เปิดคลิปวีดีโอ ที่ระบุว่าเป็นคลิปที่ไม่มีใครอยากเห็นซึ่งเป็นเหตุการณ์ปะทะระหว่างม็อบราษฎรและม็อบเสื้อเหลือง ทำให้นายศุภชัย โพธิ์สุ ประธานในที่ประชุม ได้ถามกับนายสุชาติ ว่ามีความจำเป็นหรือไม่ที่ต้องเปิดคลิปดังกล่าว นายสุชาติ จึงพยายามอธิบายว่าไม่ได้เป็นผู้มาทะเลาะ แต่อยู่ในที่ตั้ง ตนไม่ต้องการทะเลาะกับใครทั้งสิ้น และเคารพสิทธิ์ทุกคน จึงอยากให้ทุกคนเคารพสิทธิ์ ไม่อยากให้พูดเรื่องเหล่านี้ในสภา ฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่ตรวจสอบฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายรัฐบาลก็ต้องแก้ข้อกล่าวหาตน ขอพูดด้วยความบริสุทธิ์ใจว่าตนไม่มีความคิดให้คนไทยมาทะเลาะกัน แต่ไม่อยากให้ก้าวล่วงในสิ่งที่คนไทยรัก.-สำนักข่าวไทย