ทำเนียบรัฐบาล 10 ก.พ.-บีโอไอเผยตัวเลขขอสนับสนุนการลงทุนปี 63 กว่า 4.8 แสนล้านบาท กลุ่มอุตสาหกรรมการแพทย์น่าจับตา ขณะที่ญี่ปุ่นครองอันดับ 1 ขอลงทุนในไทย
น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)เปิดเผยการขอสนับสนุนการลงทุนในปี 2563 ว่า มีคำขอรับการส่งเสริมการลงทุน จำนวน 1,717 โครงการ มูลค่าลงทุนรวม 481,150 ล้านบาท สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย มีมูลค่าลงทุนทั้งสิ้น 230,740 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 48 ของมูลค่าการขอรับการส่งเสริมทั้งสิ้น โดย 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 2.การเกษตรและแปรรูปอาหาร 3.ยานยนต์และชิ้นส่วน 4.โตรเคมีและเคมีภัณฑ์ และ 5.เทคโนโลยีชีวภาพ
“กลุ่มอุตสาหกรรมการแพทย์เป็นที่น่าจับตา ซึ่งคำขอรับการส่งเสริมตลอดปีมีอัตราเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนโครงการและมูลค่าลงทุน โดยมีจำนวน 83 โครงการ เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ร้อยละ 177 ขณะที่มูลค่าลงทุนรวม 22,290 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 165 ทั้งนี้ สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นทั้งความท้าทายและโอกาส แม้ในภาพรวมการลงทุนจะชะลอตัว แต่มีบางธุรกิจที่ขยายตัวจากวิกฤติครั้งนี้ เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมทางการแพทย์ ซึ่งคำขอรับการส่งเสริมตลอดปี มีอัตราเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนโครงการและมูลค่าลงทุน ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าการออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนในช่วงปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จ สอดรับกับความต้องการของตลาด โดยเฉพาะกิจการในกลุ่มของหน้ากากอนามัยและถุงมือยางทางการแพทย์ ” เลขาธิการบีโอไอ กล่าว
น.ส.ดวงใจ กล่าวว่า ด้านการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริมจำนวน 907 โครงการ มูลค่าลงทุน 213,162 ล้านบาท โดยประเทศญี่ปุ่นยื่นขอรับการส่งเสริมมากที่สุด ตามด้วยประเทศจีน มูลค่าลงทุน 31,465 ล้านบาท และสหรัฐฯ โดยจุดแข็งของไทยเมื่อเทียบกับประเทศในกลุ่มเอเชียคือด้านอุตสาหกรรมสนับสนุน วัตถุดิบและชิ้นส่วน
“สำหรับคำขอรับการส่งเสริมในพื้นที่ EEC มีจำนวน 453 โครงการ มูลค่าลงทุนรวม 208,720 ล้านบาท ส่วนใหญ่ลงทุนในกลุ่มสาธารณูปโภค บริการพื้นฐานและการขนส่ง เป็นต้น ส่วนคำขอรับการส่งเสริมในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน (SEZ) มีจำนวน 17 โครงการ มูลค่าลงทุน 12,340 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 423 ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่นักลงทุนไทยมีศักยภาพ เช่น การผลิตถุงมือทางการแพทย์ และการผลิตอาหาร เป็นต้น” เลขาธิการบีโอไอ กล่าว
น.ส.ดวงใจ กล่าวว่า ปี 2563 มีสัญญาณที่ดีจากการลงทุนที่เป็นกิจการ SMEs โดยมีจำนวน 67 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 มูลค่าลงทุน 2,490 ล้านบาท ส่วนใหญ่อยู่ในกิจการผลิตเครื่องมือแพทย์จากผ้าหรือเส้นใยชนิดต่าง ๆ เช่น หน้ากากอนามัย ซึ่งมีความต้องการสูงขึ้นมาก ประกอบกับบีโอไอให้การส่งเสริมในอุตสาหกรรมการแพทย์เป็นพิเศษเพื่อกระตุ้นการลงทุนผลิตผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นต้องใช้ในภาวะการระบาดของไวรัสโควิด-19
ส่วนทิศทางการส่งเสริมการลงทุนในปี 2564 เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า ยังไม่ได้ตั้งเป้าไว้ เนื่องจากยังมีปัจจัยที่มีผลกระทบทั้งจากโควิด-19 และภาวะเศรษฐกิจโลก แต่บีโอไอจะรักษาระดับไม่ให้น้อยไปกว่าเดิม.-สำนักข่าวไทย