ขอนแก่น 5 ก.พ. – เจอต่อเนื่อง ถูกสวมสิทธิ์คนละครึ่ง ชาวบ้าน อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ถูกสวมสิทธิ์โครงการของรัฐ หลังจากลงทะเบียนโครงการเราชนะ ไม่ผ่าน เบื้องต้นยอมรับได้รับเงินคนละ 200 บาท เพื่อแลกการไม่ใช้สิทธิ์เราเที่ยวด้วยกัน
ชาวบ้านหนองผือ ต.บ้านผือ อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น กว่า 30 คน รวมตัว กันที่บริเวณศาลากลางบ้าน เพื่อให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน กรณีอ้างว่าถูกสวมสิทธิ์โครงการคนละครึ่ง ชาวบ้านบอกว่ารู้ตัวหลังจากลงทะเบียนโครงการเราชนะไม่ผ่าน ทำให้เข้าไปตรวจสอบสิทธิ์ที่ธนาคาร และได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ให้นำรหัส OTP ที่ได้รับผ่านเบอร์โทรศัพท์มือถือ ที่ลงทะเบียนมายืนยัน
นางอุไร โยทะสิงห์ อายุ 67 ปี ชาวบ้านหนองผือ หนึ่งในผู้เสียหายเปิดเผยว่า ผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นคนอายุประมาณ 50 ปีขึ้นไป ใช้สิทธิ์โครงการต่างๆ ไม่เป็น โดยก่อนได้รับการเชิญชวนจากคุณครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในหมู่บ้านให้ลงทะเบียนโครงการเราเที่ยวด้วยกัน หากไม่ใช้สิทธิ์จะได้รับเงินแทน 200 บาท จึงตกลงรับ เนื่องจากเข้าใจว่าเป็นโครงการชดเชยจากภาครัฐ ซึ่งหลังจากนั้นไม่ทราบว่าถูกนำข้อมูลไปลงทะเบียนสิทธิ์คนละครึ่งได้อย่างไร ยืนยันว่าไม่ได้ใช้สิทธิ์ ขณะนี้ตนเองได้รับสิทธิ์ทั้งหมดคืน แต่เงินคนละครึ่งถูกใช้ไปหมดแล้ว 3,500 บาท คาดหวังว่าจะได้ใช้สิทธิ์ในโครงการเราชนะ 7,000 บาทหลังจากนี้
นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายอีกคนที่ได้รับการติดต่อจากครูคนเดียวกัน คิดว่าครูคนดังกล่าวจะมาช่วยเหลือชาวบ้าน และอยากได้รับเงินชดเชย 200 บาท เนื่องจากไม่มีเวลาไปเที่ยวในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน อีกทั้งไม่ทราบว่าหลังจากนี้จะมีโครงการช่วยเหลือจากภาครัฐอื่น ๆ ตามมาอีก และเกรงว่าจะเสียสิทธิ์จากทางภาครัฐทำให้ยินยอมลงทะเบียนโดยใช้บัตรประชาชน และเมื่อมีโครงการคนละครึ่งทำให้เธอต้องการใช้สิทธิ์จึงทราบว่าตนเองถูกสวมสิทธิ์ไปก่อนหน้านี้แล้ว
ด้านนายวรดร เครือมา ผู้ใหญ่บ้านบ้านหนองผือ อ.หนองเรือ ให้ข้อมูลว่า ในหมู่บ้านมีผู้เสียหายจำนวนมาก ทราบว่ามีการถ่ายบัตรประชาชนของชาวบ้านไปตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 และเพิ่งทราบว่าถูกหลอกและถูกสวมสิทธิ์แทน จึงรวมตัวกันไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอหนองเรือ บางรายเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.หนองเรือ ในขณะที่ชาวบ้านบางส่วนที่ยังไม่ได้เข้าแจ้งความ เพราะบางคนเป็นญาติกับครู บางคนถูกข่มขู่ว่าหากแจ้งความแล้วมีการตรวจสอบพบว่ามีการขายสิทธิ์ให้คนอื่นไป ก็จะมีความผิดและถูกจับกุม ชาวบ้านจึงไม่กล้าแจ้งความ
ส่วนครูที่เป็นผู้ถูกกล่าวหาให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นการเข้าใจผิด โดยอ้างว่าเป็นคนในพื้นที่ทำ ส่วนตัวเองตั้งใจนำเงินมาช่วยเหลือชาวบ้าน ไม่ได้มีเจตนาหลอกลวงแต่อย่างใด เมื่อวานนี้ได้เข้าไปเจรจากับชาวบ้านในบางพื้นที่ และยืนยันว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด . – สำนักข่าวไทย