กทม. 25 ธ.ค.- ศาลสั่งจำคุกหนึ่งในแนวร่วม นปช. คดีมีระเบิดสังหารในครอบครอง แต่ยกฟ้องจำเลยร่วมมือปาระเบิดใส่เวที กปปส.อนุสาวรีย์ชัยฯ เหตุฟ้องซ้ำ
ศาลอาญารัชดา นัดฟังคำพิพากษาคดีมีระเบิดสังหารในครอบครอง ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้องนายกฤษดา หรือดา ไชยแค อายุ 49 ปี และนายพัสนัย หรือเอก พนัส อายุ 45 ปี แนวร่วม นปช. ร่วมกันเป็นจำเลย ฐานกระทำผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ.2530 ที่นายทะเบียน ไม่อาจออกใบอนุญาตให้มีไว้ได้ และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฯ
จากกรณีเมื่อระหว่างวันที่ 1 มิ.ย.56 – 13 ส.ค.57 ต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งสองกับพวก ได้มีระเบิดขว้างชนิดสังหารแบบ RGD 5 และชุดเรือนชนวนจำนวน 20 ลูก เหตุเกิดที่แขวง-เขตบางซื่อ กทม. และที่อื่นเกี่ยวพันกัน เบื้องต้น จำเลยให้การรับสารภาพ โดยวันนี้เจ้าหน้าที่ได้เบิกตัวทั้งสองจากเรือนจำ ซึ่งในส่วนของ นายกฤษดานั้น เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ที่ผ่านมา ศาลอาญาได้พิพากษาจำคุกชีวิต กรณีเมื่อวันที่ 19 ม.ค.57 นายกฤษดาได้ปาระเบิดใส่เวทีผู้ชุมนุมกลุ่ม กปปส. บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จนมีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 26 ราย และศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืน จำคุกตลอดชีวิตในเวลาต่อมา
ทั้งนี้ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า จำเลยทั้ง 2 ให้การรับสารภาพ โดยจำเลยที่ 1 และ 2 ถูกฟ้องในข้อหาอาวุธฯ ที่เคยถูกฟ้องในคดีหมายเลขแดงอ.588/2563 ไปแล้ว ซึ่งในส่วนของจำเลยที่ 1 เห็นว่าเป็นการทำผิดในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาเด็ดขาดไปแล้ว ให้นับเป็นกรรมการนำมาฟ้องอีกย่อมต้องระงับไป เนื่องจากไม่เป็นธรรมกับผู้ต้องหา ส่วนจำเลย ที่ 2 พยานหลักฐานรับฟังได้ว่า มีความผิดตามฟ้อง เป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักที่สุด โดยคดีร่วมกันมีวัตถุระเบิดฯ จำคุก 4 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 2 ปี ทั้งนี้กรณีโจทก์ขอให้นับโทษต่อจากคดีของศาลอาญามีนบุรี ขณะนี้ คดีดังกล่าวยังไม่มีคำพากษาจึงมิอาจทำได้ ยกคำฟ้องโจทก์ของจำเลยที่ 1. -สำนักข่าวไทย