สถานีกลางบางซื่อ 15 ธ.ค.-นายกฯห่วงเด็กเล็ก ผู้สูงอายุได้รับผลกระทบจาก PM 2.5 ย้ำต้องควบคุมกิจกรรมที่รวมคนจำนวนมาก ป้องกันซุปเปอร์สเปรดเดอร์ ไม่อยากล็อคดาวน์อีก พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อสุขภาพ ไม่มีเรื่องอื่น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ PM 2.5 ว่า รัฐบาลดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยร่วมมือหลากหลายภาคส่วน ทั้งการลดการเผา ลดการใช้รถใช้ถนน ใช้ขนส่งสาธารณะให้มากที่สุด ลดการเผาเพื่อการเพาะปลูก หรือแม้แต่ระบบอุตสาหกรรม แต่จะต้องให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนน้อยที่สุด
“ห่วงเด็กเล็ก ผู้สูงอายุจะได้รับผลกระทบจากฝุ่นในครั้งนี้มากที่สุดซึ่งสถานการณ์ส่วนหนึ่งเพราะสภาพอากาศ รวมถึงสภาพอากาศจากประเทศเพื่อนบ้านด้วย ส่วนการปิดโรงเรียน สถานศึกษา ถ้าสถานการณ์ฝุ่นละอองทวีความรุนแรงเพื่มขึ้น ให้เป็นเรื่องที่สถานศึกษาจะพิจารณา” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ภายในประเทศ ว่า ยังคงเข้มงวดทั้งแนวชายแดนที่ติดตามตรวจสอบได้ โดยกังวลว่าการรวมคนจำนวนมากเข้าไปทำกิจกรรมในที่แคบ ไม่มีระยะห่าง อันตรายอย่างมาก เพราะอาจเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อได้ ดังนั้น การจัดกิจกรรมที่รวมคนมาก ๆ หากไม่ควบคุมหรือไม่เข้มงวด จะทำให้เกิดการแพร่เชื้อไปยังภูมิลำเนา จนเป็นซุปเปอร์สเปรดเดอร์
“รัฐบาลไม่อยากให้สถานการณ์ต้องกลับไปล็อคดาวน์ประเทศอีก ไม่ใช่การขู่ แต่เป็นการป้องกัน เพราะประเทศกำลังเดินหน้าเข้าสู่ปีใหม่ ไม่อยากให้ประเทศกลับไปสู่ความทุกข์ด้วยการล็อคดาวน์ประเทศแบบเดิม จึงขอประชาชนให้ความร่วมมือ รักษาระยะห่าง และปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาการจัดกิจกรรมถอยหลังสู่ปีใหม่ เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด โดยจะแจ้งผู้ประกอบการให้รับทราบมาตรการอีกครั้ง” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนการดูแลตามแนวชายแดน เพื่อป้องกันผู้ลักลอบเข้าเมือง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ได้เพิ่มกำลังทหารชายแดนมากพอสมควร และเพิ่มโดรนบินสำรวจ เพิ่มรั้วลวดหนาม พร้อมขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทำงานด้วย
“การประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินขณะนี้ เพื่อรักษาสุขภาพของประชาชน ไม่ได้เกี่ยวข้องเรื่องอื่น ๆ” นายกรัฐมนตรี กล่าว .- สำนักข่าวไทย