ภาคเหนือ 2 ธ.ค. – พนักงานสถานบันเทิงใน จ.ท่าขี้เหล็ก กลับไทยหลังโควิด-19 ระบาด โดยเจ้าหน้าที่ตั้งจุดคัดกรองบริเวณหน้า สภ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ต่อเนื่อง ด้านผู้ประกอบการโรงแรมในตัวเมืองเชียงใหม่ ยอมรับกระทบธุรกิจ
คนไทย 23 คน เป็นผู้หญิง 11 คน ซึ่งทำงานในสถานบันเทิงใน จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกับ 4 หญิงไทยที่ติดโควิด-19 และลักลอบข้ามกลับไทยทางช่องทางธรรมชาติ ทางชายแดน อ.แม่สาย ก่อนหน้านี้ รวมถึงชาย 8 คน และพระสงฆ์ 4 รูป ที่อยู่ใน จ.ท่าขี้เหล็ก ได้เดินทางกลับไทยผ่านทางด่านมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 2 ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อมาถึงฝั่งไทยมีการสอบประวัติ-วัดไข้ รวมทั้งตรวจหาเชื้อเบื้องต้นจากรถพระราชทาน เบื้องต้นยังไม่ทราบผล และไม่มีใครแสดงอาการป่วย ก่อนจะส่งทั้งหมดกักตัวดูอาการที่โรงแรมเวียงอินทร์ริเวอร์ไซด์
สำหรับคนไทยและพระสงฆ์ทั้งหมดที่เข้ากลับฝั่งไทยในวันนี้ เป็นผู้ที่เดินทางออกนอกประเทศแบบถูกกฎหมาย และเป็นคนละกลุ่มที่ลงทะเบียนไว้กับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมา ตามประกาศของ จ.เชียงราย ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ใน จ.ท่าขี้เหล็ก ขณะนี้ยังคงพบอย่างต่อเนื่อง วันนี้พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม 3 ราย โดยในช่วงวันที่ 22พฤศจิกายน-2 ธันวาคม 63 พบผู้ป่วยโควิด-19 ใน จ.ท่าขี้เหล็ก รวม 53 ราย
ด้านผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชเวชเชียงใหม่ และผู้อำนวยการฝ่ายแพทย์ ออกมายืนยันถึงความพร้อมของบุคลากรในการรับมือและดูแลผู้ป่วยและคนไข้ ในยุคที่พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิค-19 ที่ติดเชื้อจากประเทศเมียนมา และเข้ามารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลนครพิงค์ เชียงใหม่ โดยทางโรงพยาบาลราชเวชมีการตั้งจุดคัดกรอง ตรวจวัดไข้ด้วยเครื่องเทอร์โมสแกน ตั้งแต่ด่านแรก เข้าประตูภายในอาคาร หากพบมีไข้จะทำการสอบประวัติว่ามีความเสี่ยงมาจากประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่ จากนั้นจะคัดแยกมาตรวจนอกอาคารตามกระบวนการ เข้าห้องกักตัว ตรวจเสมหะจมูกและคอ และนำตัวเข้าห้องความดันลบตรวจหาเชื้อ ซึ่งจะทราบผลใน 4 ชั่วโมง จากนั้นจะแจ้งทางสำนักงานสาธารณสุขเชียงใหม่ และโรงพยาบาลนครพิงค์ มารับตัวส่งต่อ โดยมีตู้ความดันลบสำหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเชื้อ เพื่อส่งต่อไปยังโรงพยาบาลที่รับการรักษาของรัฐ ทั้งนี้ เพื่อให้ความมั่นใจกับผู้ป่วยที่มารับการรักษา และญาติที่มาเยี่ยมอาการป่วยในโรงพยาบาล
เจ้าหน้าที่ออกตั้งจุดคัดกรองบริเวณหน้า สภ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ต่อเนื่อง ช่วง 2 วัน มีการตรวจคัดกรองวัดไข้ผู้ที่ใช้เส้นทางวันละหลายพันคน เบื้องต้นพบมีไข้เข้าเกณฑ์ 37. 5 จำนวน 2 ราย จึงส่งตรวจโรงพยาบาลซ้ำ พบว่าเป็นแค่ไข้ธรรมดาทั่วไป ซึ่งการตั้งจุดตรวจคัดกรองดังกล่าว หลังพบมีหญิงวัย 29 ปี ที่ไปทำงานที่ประเทศเมียนมา ติดโควิด-19 และยังนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลนครพิงค์ เชียงใหม่ ทำให้มีการเข้มงวดและเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น และจากการตรวจสอบยานพาหนะ เน้นตรวจยานพาหนะรถโดยสารขนาดใหญ่-ขนาดเล็ก รถส่วนบุคคลที่มีผู้โดยสารมาก และเดินทางมกจาก จ.เชียงราย
ด้านผู้ประกอบการโรงแรมแอทอีท ย่านถนนทิพยเนตร ในตัวเมืองเชียงใหม่ ยอมรับการมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รอบ 2 ในพื้นที่เชียงใหม่ กระทบต่อธุรกิจ ลูกค้าโทรมายกเลิกห้องพักแล้ว แต่ต้องรอดูว่าในช่วงหยุดยาว 10-13 ธันวาคมนี้ จะมีลูกค้าโทรมาจองเพิ่มหรือไม่ ปกติหากไม่มีการระบาดของโควิด -19 จะมีลูกค้าโทรเข้ามาจองจนห้องพักเต็ม จึงอยากให้ภาครัฐในระดับท้องถิ่น ระดับจังหวัด แจ้งข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนได้รับทราบอย่างรวดเร็ว ไม่ใช้ให้รับรู้จากเพจหรือโลกออนไลน์ ก่อนที่ภาครัฐจะออกมาให้รายละเอียด อย่างไรก็ตาม หลังมีการแพร่ระบาดโควิด-19 ทางโรงแรมได้ปรับตัวโดยลดค่าแรงงานลง 50 เปอร์เซ็นต์ ลดค่าห้องพักลง 60 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้พนักงานอยู่ได้และธุรกิจอยู่ได้ ส่วนการบริการลูกค้านวดแผนไทยที่โรงแรมจัดไว้ให้ ช่วงนี้นักท่องเที่ยวไม่ได้เข้ามาพัก พนักงานนวดแผนไทยไม่มีงานทำ จึงอนุญาตให้ไปรับจ้างในอาชีพอื่นก่อน เพื่อมีรายได้เลี้ยงตัวเอง
นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง กล่าวว่า แม้ขณะนี้ภาคเหนือ เพื่อนบ้านรอบ จ.ลำปาง พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 แต่ต้องทำความเข้าใจและยืนยันก่อนว่าผู้ที่ติดมาจากต่างประเทศไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อในประเทศ ซึ่ง จ.ลำปาง ยังคงวางมาตรการคุมเข้มเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดเช่นเดิม ทั้งการออกตรวจสถานประกอบการต่อเนื่อง สถานประกอบการที่ใช้แรงงานต่างด้าวในลำปาง ซึ่งมีประมาณ 600 แห่ง มีแรงงานต่างด้าว 2,000 คน โดยเจ้าหน้าที่มีการลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยม สำรวจว่ามีแรงงานต่างด้าวคนไหนที่ลาหยุดยาว หรือสงสัยว่าจะหนีกลับบ้านหรือไม่ อยากบอกประชาชนและนักท่องเที่ยวว่าอย่าตื่นตะหนก จ.ลำปาง ยังคงมีความปลอดภัย.-สำนักข่าวไทย