ทำเนียบฯ 10 พ.ย.- “อนุทิน” ยันไม่ลดวันกักตัว หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เดินทางเข้าประเทศทุกเที่ยวบิน หวังให้ประชาชนในประเทศสบายใจ หารือเลขาธิการ สมช. คุมการเข้ามาของนักท่องเที่ยว
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ระดับวีไอพี ที่มาจากต่างประเทศ ว่า เป็นไปตามที่คาดหมาย ไม่ต้องไปกังวล เพราะเรามีระบบคัดกรองที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราได้คาดการณ์ไว้อยู่แล้ว ต้องเพิ่มความเข้มข้นของการตรวจ ซึ่งการที่ตรวจพบ ก็แสดงให้เห็นว่าระบบทำงาน อย่างไรก็ตาม การติดเชื้อน่าจะเกิดจากประเทศต้นทางมากกว่า ซึ่งได้หารือกับเลขาธิการ สมช.ว่า ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไทยต้องตรวจโควิด หรือ fit to fly ซึ่งตรวจมาแล้วทำไมเจอแทบทุกเที่ยวบิน ซึ่งก็ไม่น่าจะเกี่ยวข้อง เพราะเราเป็นจุดปลายทาง ก็ต้องย้ำไปที่สายการบินต้นทางและสถานเอกอัครราชทูตต้นทางที่อนุมัติให้คนเดินทางเข้ามา จะต้องมีมาตรการอะไรเพิ่มเติมมากกว่านี้
“เราไม่ต้องการให้คนติดเชื้อเข้าประเทศ เพราะเข้ามา เราก็ต้องรักษา สิ้นเปลืองงบประมาณ สิ้นเปลืองยา เมื่อมาถึงพบว่าติดเชื้อ เราก็ปล่อยให้ไปไหนไม่ได้ และต้องรักษา จะผลักดันกลับไปก็ไม่มีสายการบินไหนรับ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องย้ำไปที่ประเทศต้นทาง สิ่งนี้อย่ามาโทษคนไทย เพราะถ้าเราตรวจพบ เราก็คัดแยกทันที” นายอนุทิน กล่าว
ส่วนการลดจำนวนวันกักตัว จาก 14 วัน เป็น 10 วันนั้น ยังอยู่ในแผนที่ต้องดำเนินการหรือไม่ เพราะเราพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม นายอนุทิน กล่าวว่า เราก็ต้องดู ซึ่งขณะนี้พบมีติดเชื้อในสถานที่กักตัว เราก็จะยังคงกักตัว 14 วันเหมือนเดิม จนกว่าทุกอย่างจะเกิดความสบายใจ ไม่เกี่ยวกับความน่ากังวลใด ๆ ไม่อยากให้ประชาชนเกิดความวิตกกังวล ขอดึงไปก่อน
เมื่อถามว่า การไม่ลดจำนวนวันกักตัว จะกระทบต่อแผนการเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราต้องแคร์คนไทยด้วย และเข้าใจว่านักท่องเที่ยวไม่อยากมากักตัวที่สถานที่กักตัวเป็นเวลาหลายวัน แต่เป็นความจำเป็น เพราะทุกเที่ยวบินที่เข้ามาพบคนติดเชื้อทุกเที่ยวบิน เราจะปล่อยให้คนเหล่านี้ออกไปแพร่เชื้อไม่ได้ ความปลอดภัยของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งจะหามาตรการต่อไป และขณะนี้ขอให้ทุกคนยังคงเข้มในเรื่องสวมหน้ากากและล้างมือ.-สำนักข่าวไทย