fbpx

30บาทรักษาทุกที่คือภาคสอง 30บาทรักษาทุกโรค

ศูนย์ราชการฯ 5 พ.ย.- “อนุทิน” ย้ำรัฐบาลให้ความสำคัญกับสุขภาพของประชาชน ลั่น 30 บาทรักษาทุกที่คือภาคสองของ 30 บาทรักษาทุกโรค นำร่องใน กทม.และตั้งเป้าขยายไปทั่วประเทศภายในปี 65 พร้อมยกระดับให้ผู้ป่วยมะเร็งเข้ารักษาได้ทุก รพ.ที่มีความพร้อมเพื่อลดระยะเวลารอคิวเป็นของขวัญปีใหม่แก่ผู้ป่วยตั้งแต่ 1ม.ค.64 เป็นต้นไป


นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ยกระดับบัตรทอง 4 บริการ สู่หลักประกันสุขภาพยุคใหม่”ในการประชุมสร้างความร่วมมือภาคีเครือข่ายภาคประชาชนยกระดับบัตรทอง 4 บริการ สู่หลักประกันสุขภาพยุคใหม่ ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) วันนี้ (5 พ.ย.) โดยระบุว่าตลอด 20 ปีที่ผ่านมา สปสช.ได้ทำสิ่งที่ควรจะให้เกิด ก็คือรักษาทุกโรค จนถึงวันนี้ 30 บาทรักษาทุกโรคสามารถรักษาได้ทุกโรคจริงๆ และตนให้สัญญาว่า 30 บาทรักษาทุกโรค จะพัฒนาเป็น 30 บาทรักษาทุกที่ รวมทั้งมีการพัฒนาบริการอื่นๆ รวมเป็น 4 เรื่องเพื่ออำนวยความสะดวกดูแลรักษาบริการประชาชนให้เข้าถึงการบริการได้มากขึ้น ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น

“30บาทรักษาทุกที่จะเป็นภาค 2 ของ 30 บาทรักษาทุกโรค โดยบริการที่ยกระดับคือเจ็บป่วยทั่วไปที่ไม่ใช่ผู้ป่วยอาการหนัก สามารถใช้บริการของหน่วยบริการปฐมภูมิได้ทุกที่ตั้งแต่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมาในเขต กทม.ก่อน และตั้งเป้าไว้ว่าในปี 2565 จะขยายไปทุกจังหวัดของประเทศ” นายอนุทิน กล่าว


นายอนุทิน กล่าวว่า เมื่อพูดถึงเรื่องการยกระดับบัตรทอง ความเข้าใจง่าย ๆ คือในเมื่อ 30 บาทรักษาทุกโรคแล้ว เพราะบางครั้งคนที่ไปทำงานต่างภูมิลำเนา เมื่อเจ็บป่วยต้องรับการรักษาก็ต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ มากมาย ทำไมไม่รักษาทุกที่ไปด้วย ทำไมไม่ใช้ฐานข้อมูลเชื่อมโยงกัน ป่วยที่ไหนเข้ารับบริการที่นั่นได้เลย และไม่ต้องกังวลว่าคนจะเข้าแต่โรงพยาบาลขนาดใหญ่ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือเมื่อ สปสช.บอกว่ายินยอมให้รักษาทุกที่ ทางกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีโรงพยาบาลแทบทุกอำเภอ ก็ต้องยกระดับโรงพยาบาล ยกระดับการให้บริการประชาชนด้วย เพราะฉะนั้นจะต้องไม่มีคำว่าโรงพยาบาลใหญ่โรงพยาบาลเล็ก จะต้องมีแต่คำว่าโรงพยาบาลดี โรงพยาบาลเจ๋ง โรงพยาบาลที่รักษาคนไข้ได้มากที่สุด

นายอนุทิน ขยายความว่าสำหรับการรักษาทุกที่ก็คือโรคทั่วไป เบาหวาน ความดัน หัวใจ หวัด ไข้ แบบนี้ไปรักษาทุกที่ได้ โดยเพิ่มโรคยากๆ เข้าไปด้วยคือมะเร็ง เพราะผู้ป่วยโรคมะเร็งถ้าไม่เปิดให้รักษาทุกที่ ต้องรอคิว บางครั้งไม่ทันได้รักษาก็เสียชีวิตไปก่อน ดังนั้นประชาชนที่ป่วยด้วยโรคมะเร็ง จะสามารถตรวจและรักษาได้ทุกโรงพยาบาลที่มีความพร้อม ไม่ต้องรอคิวเหมือนที่ผ่านมา ไม่ต้องถูกจำกัดการใช้สิทธิ์ตามหน่วยบริการที่ลงทะเบียนไว้ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.64 เป็นต้นไปเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับผู้ป่วยมะเร็ง

“กระทรวงสาธารณสุขได้ใช้โอกาสในช่วงนี้จัดหาเครื่องฉายรังสีมะเร็งอีก 7 เครื่องเพื่อไปไว้ตามศูนย์มะเร็งทั่วประเทศ ด้วยความหวังว่าจากนี้ไปผู้ป่วยที่ต้องรับการฉายรังสีด้วยโรคมะเร็งจะสามารถไม่ต้องเดินทางไกลไปมาและคิวก็จะน่าจะสั้นลง ซึ่งเมื่อเสนอเรื่องนี้เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีอนุมัติโดยไม่ถามสักคำ” นายอนุทิน กล่าว


นอกจากนี้ในส่วนของผู้ป่วยในก็จะสามารถใช้บริการหน่วยบริการใดหรือโรงพยาบาลใดก็ได้โดยไม่ต้องมีใบส่งตัวหรือต้องรอเอกสารส่งตัวซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนทราบว่าใช้เวลานานมาก โดยจะเริ่มในเขตสุขภาพที่ 9 ประกอบด้วย จ.นครราชสีมา จ.บุรีรัมย์ จ.สุรินทร์ และ จ.ชัยภูมิ ก่อน และตั้งเป้าให้ครอบคลุมทั้ง12 เขตสุขภาพทั่วประเทศในปี 2565 เช่นกัน รวมทั้งและเรื่องการแจ้งเปลี่ยนหน่วยบริการประจำโดยไม่ต้องรอระยะเวลาเกิดสิทธิ แจ้งย้ายแล้วเดินไปที่ไหนได้เลยไม่ต้องรอการอนุมัติ โดยขณะนี้กำลังเร่งยกระดับฐานข้อมูล และพร้อมจะให้บริการได้ในวันที่ 1 ม.ค.64 เป็นต้นไป

“การยกระดับ4 บริการนี้จะเป็นการพัฒนางานบริการด้านสาธารณสุขของประเทศไทยให้เป็นการบริการที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกดูแลรักษาบริการประชาชนให้เข้าถึงการบริการได้มากขึ้น ง่ายขึ้น สะดวกขึ้นและหวังว่าจะทำให้คุณภาพชีวิตของคนไทยดีขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง ขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลชุดนี้ให้ความใส่ใจในเรื่องสุขภาพของประชาชนเต็มที่ ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีไปจนถึงคณะรัฐมนตรีทุกคน ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับสาธารณสุข ขอเพียงมีเหตุผลที่จำเป็น คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยความเชื่อและมุ่งหวังว่าเมื่อประชาชนคนไทยมีสุขภาพที่แข็งแรง มีความเข้าใจระบบการสาธารณสุข มีความเข้าใจเรื่องการรักษาตัวเองแล้ว ประเทศไทยจะมีความเจริญรุ่งเรืองในทุกๆ ด้าน ทั้งสังคม ทางเศรษฐกิจ และความเป็นปึกแผ่นของคนในชาติ ถ้ามีจิตใจที่ดีมีสุขภาพที่ดี มีระบบการรักษาที่ดี ทุกคนก็อยากจะไปทำมาหากินสร้างความเป็นปึกแผ่นให้กับครอบครัว และประเทศไทยจะพลิกฟื้นจากวิกฤตโควิดก่อนคนอื่น” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวทิ้งท้ายว่าในส่วนประชาชนในพื้นที่ กทม.ต้องขออภัยกับปัญหาที่เกิดขึ้นในเรื่องคลินิกชุมชนอบอุ่นแต่ยืนยันกระทรวงสาธารณสุขจะทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับ สปสช. เต็มที่ เมื่อเกิดปัญหาขึ้น ทั้งกระทรวงสาธารณสุขและ กทม. รีบเอาหน่วยงานในสังกัดเข้ามาให้บริการเพื่อให้เกิดความไม่สะดวกน้อยที่สุดและขอให้มั่นใจว่าทุกอย่างจะได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้น

น.ส.ณัฐวดี มิ่งชัย ตัวแทนภาคประชาชน ศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพภาคประชาชน หน่วยรับเรื่องร้องเรียนตามมาตรา 50 (5) และเครือข่ายอาสาสมัครสาธารณสุข (อสส.) กล่าวขอบคุณนายอนุทินที่ช่วยจัดการปัญหาการทุจริตของหน่วยบริการที่เข้าร่วมโครงการหลักประกันสุขภาพอย่างจริงจัง ซึ่งแม้ว่าจะกระทบกับการรับบริการของประชาชนในพื้นที่ กทม.บ้าง แต่เชื่อว่าเป็นภาวะว่าชั่วคราว

“แม้จะเกิดปัญหาอยู่บ้างแต่ สปสช.ร่วมกับภาคประชาชนก็ได้ช่วยกันแก้ไขปัญหาเป็นอย่างดี เราถือว่าวิกฤติครั้งนี้เป็นโอกาสในการปรับระบบบริการใหม่โดยเฉพาะการให้ผู้ใช้สิทธิไปรับบริการในคลินิกปฐมภูมิคลินิกชุมชนอบอุ่นในเครือข่ายได้ทุกแห่ง เชื่อว่าจะทำให้คนใน กทม.ที่ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพจะสามารถเข้าถึงบริการได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น พวกเราภาคประชาชนจะช่วยกันสื่อสารให้ชุมชนได้รับทราบนโยบายที่เป็นประโยชน์นี้ รวมทั้งต้องขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงสาธารณสุข กทม. และ สปสช.ที่ได้ชี้แจงทำความเข้าใจและเชิญภาคประชาชนให้มีส่วนร่วมเข้ามาช่วยกันแก้ไขปัญหา เราจะจับมือเดินไปด้วยกัน” น.ส.ณัฐวดี กล่าว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนักถึงหนักมาก คลื่นลมแรง

กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ระวังน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก ส่วนทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนคลื่นลมแรง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

ชีวิตติดลบ! ชาวแม่สายจมน้ำจมโคลน 10 วันแทบหมดตัว

หลายชุมชนชายแดนแม่สาย เผชิญน้ำท่วมและจมโคลนมา 10 วันแล้ว อยู่ในสภาพแทบหมดตัว ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่กับชีวิตที่ต้องติดลบจากน้ำท่วมครั้งนี้

อาลัย “อดีตแข้ง U19” ขับเบนซ์พลิกคว่ำดับพร้อมภรรยา

วงการลูกหนังอาลัย “อดีตนักเตะ U19” ขับเบนซ์พลิกคว่ำดับพร้อมภรรยา ชาวบ้านเผยจุดนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อย ลงสะพานอย่าขับเร็ว