โดฮา 26 ต.ค. – เจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานนานาชาติฮาหมัดของกาตาร์บังคับให้ผู้โดยสารผู้หญิงที่กำลังเดินทางออกจากประเทศเข้ารับการตรวจที่เข้าข่ายละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เพื่อค้นหามารดาของทารกคลอดก่อนกำหนดถูกทิ้งไว้ในห้องน้ำของท่าอากาศยาน
เจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานนานาชาติฮาหมัดยอมรับว่า เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นจริง โดยระบุว่า ได้ขอความร่วมมือจากผู้โดยสารผู้หญิงเพื่อค้นหาแม่ของทารก เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้นำตัวผู้โดยสารผู้หญิงจำนวนหนึ่งที่มีชาวออสเตรเลียรวมอยู่ด้วยออกจากเครื่องบินภายในท่าอากาศยานนานาชาติฮาหมัดไปยังรถพยาบาลที่ใช้เป็นที่ตรวจหาร่องรอยหลังการคลอด แหล่งข่าวรายหนึ่งเผยว่า เจ้าหน้าที่บังคับให้ผู้โดยสารผู้หญิงเข้ารับการตรวจค้นร่างกายที่เข้าข่ายละเมิดสิทธิส่วนบุคคล โดยเฉพาะการตรวจแปปสเมียร์ (Pap smear) ของปากมดลูก ขณะที่ท่าอากาศยานนานาชาติฮาหมัดออกแถลงการณ์ว่า ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ขอร้องให้เจ้าหน้าที่ช่วยค้นหาแม่ของทารกก่อนเดินทางออกจากสนามบิน เนื่องจากเป็นห่วงสุขภาพและสวัสดิภาพหลังคลอด ผู้โดยสารผู้หญิงคนใดที่เข้าไปในบริเวณที่พบทารกแรกเกิดจึงจำเป็นต้องเข้ารับการตรวจ ด้านโฆษกหญิงของรัฐบาลออสเตรเลียระบุในแถลงการณ์ว่า การกระทำดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติต่อผู้หญิงที่เข้าข่ายล่วงละเมิด ไร้ความเหมาะสม ทั้งยังเป็นการจำกัดอิสรภาพและปราศจากการยินยอมของผู้เข้ารับการตรวจ
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา แต่เพิ่งกลายเป็นข่าวใหญ่หลังจากที่มีผู้โดยสารหญิงชาวออสเตรเลียหลายคนเผยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับสถานีโทรทัศน์เซเวนเน็ตเวิร์กของออสเตรเลีย ทั้งนี้ กาตาร์เป็นประเทศที่บังคับใช้กฎหมายชารีอะฮ์ ซึ่งเป็นกฎหมายทางศีลธรรมของศาสนาอิสลาม โดยมีบทลงโทษรุนแรงในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์หรือให้กำเนิดบุตรก่อนแต่งงาน. – สำนักข่าวไทย