ศธ.21 มิ.ย.-สพฐ.ยืนยันไม่ละเลยปัญหาเรื่องการเหยียดเพศ-ละเมิดสิทธิ หลังปรากฏผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ถึงระเบียบบท ลงโทษภาคทัณฑ์นักเรียน ในประเด็น “เบี่ยงเบนทางเพศ”ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง คำนึงความถูกต้องตามระเบียบ-กฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชน
นายอำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีสื่อสังคมออนไลน์เผยเเพร่ระเบียบคณะกรรมการโรงเรียนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานครว่ามีบทลงโทษภาคทัณฑ์นักเรียนที่ได้รับผลการประเมินไม่ผ่านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ หนึ่งในนั้น คือการเบี่ยงเบนทางเพศ โดยมองว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่แก่นการพัฒนาศักยภาพด้านการศึกษาที่เเท้จริงนั้น
ขอชี้แจงว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)ให้ความ สำคัญเกี่ยวกับเรื่องเพศ โดยจัดให้มีหลักสูตรเพศวิถีศึกษา(Sexuality education) เป็นวิชาเพิ่มเติมสำหรับการเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา เป็นวิชาการศึกษาที่ว่าด้วยความรู้ ความเข้าใจในเรื่องเพศที่ถูกต้อง เพื่อให้เกิดการยอมรับ การดูแลปฏิบัติรักษาตนเองในเรื่องสุขอนามัย การรู้และเข้าใจถึงพัฒนาการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย อารมณ์ และสติปัญญาตามวัย การสร้างสัมพันธ์ระหว่างวัย สร้างการรับรู้บทบาทของเพศวิถีศึกษาที่สำคัญๆ ให้นักเรียนเข้าใจและยอมรับหน้าที่ตามเพศของตนและผู้อื่น เข้าใจความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันในฐานะเพื่อน ให้เกียรติกัน สร้างความตระหนักถึงความแตกต่างในลักษณะการนึกคิดและพฤติกรรมทางเพศ และยอมรับความแตกต่าง เข้าใจการเลือกคู่เข้าใจการเตรียมตัวรับผิดชอบต่อครอบครัว เข้าใจการเลี้ยงดูบุตรธิดาให้เติบโตเป็นพลเมืองดีของสังคม เป็นต้น
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อไปว่า สพฐ. ยังได้กำหนดมาตรการและแนวทางในการจัดการเรียนรู้เพศศึกษาและการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่นักเรียน โดยมีหนังสือเร่งรัดการจัดการเรียนการสอนเพศศึกษาในทุกระดับชั้นอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยแจ้งไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศให้ถือปฏิบัติ ตามหนังสือสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ด่วนมาก ที่ศธ 04277/ว295 ลงวันที่ 9 มีนาคม 2560
“สพฐ. ไม่ได้ปล่อยปละละเลยปัญหาเรื่องการเหยียดเพศ-ละเมิดสิทธิ แต่อย่างใด ส่วนกรณีที่เป็นข่าวนั้น สพฐ.จะทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อรับฟังข้อมูลอย่างรอบด้าน หากพบว่าเป็นข้อเท็จจริงตามข่าวที่ปรากฏจะมอบหมายให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาซึ่งเป็นต้นสังกัด ดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบ กฎหมาย และหลักสิทธิมนุษยชนต่อไป” นายอำนาจกล่าว.-สำนักข่าวไทย