ปักกิ่ง 20 ต.ค.- นักวิเคราะห์มองว่า แม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทำให้จีนปั่นป่วนและไม่พอใจตลอดการดำรงตำแหน่งสมัยแรกมาตั้งแต่ปี 2560 แต่มีหลายเหตุผลที่จีนอาจอยากให้เขาอยู่ต่อเป็นสมัยที่สอง
สหรัฐ-จีนสถาปนาความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2522 นโยบาย “อเมริกามาก่อน” ของทรัมป์ทำให้ความสัมพันธ์เย็นชาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนจีนต้องเตือนว่าไม่อยากถูกดึงให้ต้องทำ “สงครามเย็น” กับสหรัฐ ขณะที่สงครามการค้าที่ทรัมป์เปิดฉากกับจีนทำให้จีนสูญเสียหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ดี จู จื้อฉุน อาจารย์รัฐศาสตร์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยบัคเนลล์ในสหรัฐมองว่า หากทรัมป์ชนะเลือกตั้งวันที่ 3 พฤศจิกายนตามเวลาสหรัฐอาจเปิดโอกาสให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนได้เพิ่มบทบาทบนเวทีโลกในฐานะผู้เชิดชูกระแสโลกาภิวัตน์ พหุภาคี และความร่วมมือระหว่างประเทศในช่วงที่ทรัมป์ถอนสหรัฐออกจากองค์กรโลกและข้อตกลงต่าง ๆ ฟิลิป เลอ กอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านจีน บัณฑิตวิทยาลัยเคนเนดี มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในสหรัฐเห็นด้วยว่า นโยบายอเมริกามาก่อนจะเป็นประโยชน์ระยะยาวกับจีน เพราะจะทำให้สหรัฐเสียพันธมิตรดั้งเดิม เปิดช่องให้จีนเข้าสวมแทน
ขณะเดียวกันหากโจ ไบเดนจากพรรคเดโมแครตขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ จู จื้อฉุน อาจารย์มหาวิทยาลัยบัคเนลล์มองว่า จีนกังวลว่าไบเดนจะแข็งกร้าวยิ่งกว่าทรัมป์เรื่องสิทธิมนุษยชนในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์และเขตปกครองตนเองทิเบต บอนนี เกลเซอร์ ศูนย์ยุทธศาสตร์และนานาชาติศึกษาคาดว่า ไบเดนจะสานต่อนโยบายของทรัมป์เรื่องเก็บภาษีสินค้าและบริษัทไฮเทคจีน จีนอาจต้องยอมทำตามข้อเรียกร้องอื่น ๆ ของสหรัฐหากต้องการให้ยกเลิกภาษีเหล่านี้.- สำนักข่าวไทย