ทำเนียบฯ 15 ต.ค.-โฆษกรัฐบาลแจงความจำเป็นประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขต กทม. ย้ำไม่ต้องการให้เกิดการเผชิญหน้ากับมวลชนที่เห็นต่าง และป้องกันความรุนแรงในอนาคต เผย ประชุม ครม.นัดพิเศษ พรุ่งนี้ (16 ต.ค.) รับทราบประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่รัฐบาลได้ออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร และคำสั่งอีก 4 ฉบับนั้น รัฐบาลขอแจ้งเหตุผลและความจำเป็นของการประกาศ เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ โดยเฉพาะกรุงเทพฯ และป้องกันการเกิดความรุนแรงในอนาคต
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า จากเหตุการณ์เมื่อวานนี้ (14 ต.ค.) มีผลกระทบกับชาวไทยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะการกระทบกับขบวนเสด็จฯ และการก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ตลอดจนการใช้วาจาปลุกปั้นก้าวล่วง ดังนั้นรัฐบาลไม่ต้องการให้เกิดการเผชิญหน้าของคนไทยด้วยกัน เพราะเห็นว่ามีประชาชนอีกหลายส่วนที่แสดงท่าทีไม่ต้องการให้กลุ่มผู้ชุมนุมก้าวล่วงพาดพิง ดังนั้นรัฐบาลจำเป็นต้องป้องกันและรักษาความสงบเรียบร้อยไม่ให้เกิดความรุนแรง
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ดังนั้นรัฐบาลขอความร่วมมือประชาชนให้ระมัดระวังเรื่องสิ่งต่าง ๆ จากนี้ ซึ่งมีคำสั่งเป็นข้อกำหนดอยู่ตามความในมาตรา 7 วรรคสาม วรรคสี่ และวรรคหก มาตรา 11 และมาตรา 15 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 อาทิ การห้ามชุมนุม หรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใด ๆ ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป หรือกระทำการใดอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย ห้ามเสนอข่าว จำหน่าย หรือทำให้เผยแพร่หลาย ซึ่งหนังสือ สิ่งพิมพ์ หรือสิ่งอื่นใด รวมทั้งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ บรรดาที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชนในทั่วราชอาณาจักร ห้ามใช้เส้นทางคมนาคม หรือยานพาหนะ หรือให้ใช้เส้นทางคมนาคม หรือยานพาหนะโดยมีเงื่อนไข ทั้งนี้ตามที่หัวหน้าผู้รับผิดชอบประกาศกำหนด/ห้ามใช้ เข้าไป หรืออยู่ในอาคารหรือสถานที่ใด ๆ และให้ออกจากอาคาร หรือสถานที่ใด ๆ ทั้งนี้ตามที่หัวหน้าผู้รับผิดชอบประกาศกำหนด เป็นต้น
“ยอมรับว่ารัฐบาลมีความกังวล จึงได้ดำเนินการเพื่อป้องกันเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต และป้องกันไม่ให้เกิดการเผชิญหน้ากับกลุ่มคนที่เห็นต่าง การที่จะพูดคุยกัน ยังมีโอกาสที่จะมีเวทีในการรับฟังความเห็นได้ รัฐบาลอยากให้ผู้ชุมนุมเคารพสิทธิเสรีภาพของส่วนรวม อีกทั้งเรายังต้องเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโควิด-19 หลายภาคส่วนห่วงเศรษฐกิจ หากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา ควบคู่กับการคุมโควิด-19 หากความสงบเรียบร้อยไม่เกิดขึ้น การเดินหน้าเศรษฐกิจกำลังจะเดินหน้าในอนาคตอีกหลายมาตรการอาจไม่เป็นผล” นายอนุชา กล่าว
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ขอให้รัะวังการใช้โซเชียลมีเดียที่ไม่ถูกต้อง ขอให้ระมัดระวังการโพสต์ข้อความการแสดงความเห็น ซึ่งหากกระทำผิดกฏหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดูแลเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไป ทั้งการแก้ขรัฐธรรมนูญและการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ
“นายกรัฐมนตรีได้กำชับว่าอยากให้ทุกคนช่วยเดินหน้าประเทศไทย เน้นย้ำรวมไทยสร้างชาติ รัฐบาลพร้อมเปิดเวทีรับฟัง แต่ขอให้ทุกคนเคารพสิทธิความเห็นต่างเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ (16 ต.ค.) จะมีการประชุม ครม.นัดพิเศษคณะเล็ก ในเวลา 10.00 น. เพื่อให้ ครม.ได้รับทราบถึงการที่มีประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ณ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล และในระหว่างนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ตั้ง กองอำนายการร่วมแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง (กอร.ฉ.) เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยด้วย ส่วนการเคลื่อนไหวที่แยกราชประสงค์เย็นนี้ ตำรวจจะเข้าไปดูในพื้นที่ ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยง ซึ่งนายกรัฐมนตรีไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง และการชุมนุมไม่สามารถดำเนินการได้ภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” นายอนุชา กล่าว.-สำนักข่าวไทย