รัฐสภา 16 ก.ย.- “ไพบูลย์” ยื่น “ชวน” เสนอญัตติด่วนขอมติรัฐสภาส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ส.ส.ฝ่ายค้านลงชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญซ้ำ4 ฉบับ อ้างคำวินิจฉัย ศาล 5/2563 ห้ามส.ส.ลงชื่อเสนอหลายฉบับ
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ยื่นหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่านนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาฯ เพื่อขอเสนอญัตติด่วนให้รัฐสภามีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตาม มาตรา 210 (2) ของรัฐธรรมนูญ กรณีมีปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา ในการเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมของสมาชิกรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา256 (1)
นายไพบูลย์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมฝ่ายค้าน จำนวน 4 ฉบับ ที่ยื่นต่อประธานรัฐสภา เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา พบว่ารายชื่อ ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน ไปซ้ำกับการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ จำนวน 1 ฉบับ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ซึ่งประธานรัฐสภาได้สั่งบรรจุร่างฯ เข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมรัฐสภาแล้ว จึงมีปัญหาทางข้อกฎหมายเกี่ยวกับเจตนารมณ์ ว่า ส.ส.มีอำนาจลงนามเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญได้คราวละ 1 ฉบับ หรือลงนามเสนอได้คราวละหลายฉบับ
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ดังนั้นการเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมอีก 4 ฉบับไม่ถูกต้อง เนื่องจากเคยมีคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ 5/2563 ฉบับลงวันที่ 29 มกราคม 2563 จากกรณีที่มี ส.ส.77 คน ส่งเรื่องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2563 ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแก่รัฐธรรมนูญ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าเป็นประเด็นเดียวกันกับเรื่องพิจารณาที่ 3/2563 ซึ่งมีลายมือชื่อของ ส.ส.ผู้เสนอความเห็นซ้ำกับเรื่องดังกล่าว จำนวน 30 คน
นายไพบูลย์ กล่าวว่า การลงลายมือชื่อเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม 4 ฉบับ ของพรรคร่วมฝ่ายค้านที่เสนอ มีการลงลายมือชื่อซ้ำกันทุกฉบับ จึงมีลักษณะเช่นเดียวกันกับที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไว้ในคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ 5/2563 และกรณีดังกล่าวไม่ใช่กรณีเสนอญัตติตามข้อบังคับการประชุมที่จะอยู่ในอำนาจวินิจฉัยของประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือประธานรัฐสภา ว่าญัตติมีหลักการซ้ำกันหรือไม่ แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับอำนาจในการเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 (1) จะให้อำนาจ ส.ส. และ ส.ว.ลงลายมือชื่อเสนอร่างได้คราวละฉบับ หรือลงลายมือชื่อเสนอได้หลายฉบับก็ได้ในคราวเดียวกัน
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ยังมีข้อโต้แย้งว่าร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมของพรรคร่วมฝ่ายค้านฉบับแรก เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมทั้งฉบับยกเว้นหมวด1 หมวด 2 ซึ่งมีผล ร่างฯ ฉบับแรกให้แก้ไขรัฐธรรมนูญทุกมาตราในหมวด 3 ถึงบทเฉพาะกาล ดังนั้นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมอีก 4 ฉบับ ให้แก้ไขมาตรา 270 มาตรา 271 มาตรา 279 มาตรา159 และมาตรา 272 จึงซํ้ากับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับแรก
นายไพบูลย์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีข้อโต้แย้งอีก หาก ส.ส.มีอำนาจลงนามเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญได้คราวละหลายฉบับ จะสร้างปัญหาให้การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่หนึ่งขั้นรับหลักการ ให้ใช้วิธีเรียกชื่อและลงคะแนนโดยเปิดเผย ซึ่งสมาชิกรัฐสภามีจำนวน 750 คน จะต้องใช้เวลาเรียกชื่อและลงคะแนนญัตติละหลายชั่วโมง หากออกเสียงลงคะแนนหลายญัตติอาจจะใช้เวลาทั้งวัน ดังนั้นปัญหาเหล่านี้ จึงเป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญที่จะพิจารณาวินิจฉัย เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการรักษาหลักการแห่งรัฐธรรมนูญ
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ตนจึงขอเสนอญัตติด่วนตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ.2563 ข้อ 31 ประกอบข้อ 15 วรรคสอง ขอให้ประธานรัฐสภาโปรดพิจารณาบรรจุระเบียบวาระการประชุมรัฐสภาเป็นญัตติด่วน ให้รัฐสภามีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามมาตรา 210 (2) ของรัฐธรรมนูญ กรณี มีปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา ในการเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมของสมาชิกรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 (1) .-สำนักข่าวไทย