รัฐสภา 16 ก.ย.- พรรคก้าวไกล เรียกร้องนายกฯ รับรองร่างกฎหมายยกเลิกเกณฑ์ทหาร กองทัพควรดูแลทหารให้ดีกว่านี้ เลิกนำไปรับใช้นายพล
นายรังสิมันต์ โรม พร้อมนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร และส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล และส.ส.พรรคก้าวไกล แถลงข่าวกรณีการเสียชีวิตของพลทหารเสรี บุตรวงค์ ในสังกัดค่ายสื่อสารทหาร เมื่อวันที่ 14 กันยายน จากการวินิจฉัยของแพทย์ระบุว่าการทำงานของหัวใจล้มเหลว ว่า ขอแสดงความเสียใจ ต่อครอบครัวบุตรวงค์ และแม้จะมีการขอโทษจากทางกองทัพ พร้อมรับเงินเยียวแล้ว วันนี้พรรคเราขอใช้โอกาสนี้ตั้งคำถามว่าการเสียชีวิตครั้งนี้เกิดจากความบกพร่องของกองทัพในการสกรีนคน หรือคัดเลือกคนที่มีสุขภาพดี มีความสามารถ และศักยภาพ ที่พร้อมเข้ารับการเกณฑ์ทหารหรือไม่ อีกทั้งเป็นการแสดงว่ากองทัพไม่มีความสามารถที่จะดูแลกำลังคนอย่างทั่วถึงให้ได้รับความปลอดภัย
“ที่ผ่านมาในแต่ละปี มีการเกณฑ์ทหาร และหลายคนที่ถูกเกณฑ์ก็มีจำนวนมากพอสมควร หลายคนไม่ได้ฝึกทหารอย่างจริงจัง กลายเป็นว่าต้องไปสู้กับหญ้า ฆ่ากับมด ทำงานรับใช้ครอบครัวนายพัน และนายพล ซึ่งเป็นปัญหาที่สะสมในกองทัพ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ต้องยกเลิกการเกณฑ์ทหาร” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า สำหรับพรรคก้าวไกลเรายืนยันมาตั้งแต่อยู่พรรคอนาคตใหม่ ว่าประเทศไทยมีความพร้อม ที่จะต้องยกเลิกการเกณฑ์ทหาร เราเชื่อว่าการเกณฑ์ทหารนำมาซึ่งความสูญเสีย ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ ครอบครัวที่ต้องนำบุตรเข้ามาเกณฑ์ทหาร แทนที่จะต้องทำมาหากิน สภาพเช่นนี้มาซึ่งการแตกสลายของหลายครอบครัว ด้วยเหตุผลเช่นนี้พรรคก้าวไกลจึงต้องยื่นร่าง พระราชบัญญัติว่าด้วยรับราชการทหาร ซึ่งจะเป็นร่างที่จะไปแก้ไข พ.ร.บ.ก่อนหน้านี้ ซึ่งยื่นตั้งแต่ 14 พฤศจิกายน 2562 ผ่านมาวันนี้ยังไม่มีความคืบหน้า
ด้านนายวิโรจน์ กล่าวว่า คำถามคือเราจำเป็นต้องใช้ทหารเกณฑ์กว่าแสนรายหรือไม่ ก็ต้องบอกว่าไทยมีการประกาศสงครามครั้งล่าสุดเมื่อปี 2483 กรณีข้อพิพาทอินโดจีน ดังนั้นการใช้กำลังพลเข้าห้ำหั่นกัน ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 60 ปีก่อน ฉะนั้นจะเห็นได้ว่าปัจจุบัน กับ 60 ปี มิติความมั่นคงของประเทศเปลี่ยนไปหมดแล้ว แต่รัฐบาล และกองทัพไทย ยังยึดติดว่าต้องเอากำลังจำนวนมาก เพื่อแสดงแสงยานุภาพ ซึ่งตนเห็นกำลังพลถูกใช้ไปกับ 3 วัตถุประสงค์ คือเอาไปรับใช้นายพัน นายพล เอาไปทำร้ายกันเอง เราจะเห็นว่านายทหารยศใหญ่กว่าก็ใช้การซ่อมทำทารุณกรรม ซึ่งพล.อ.อภิรักษ์ คงสมพงษ์ เคยให้สัมภาษณ์ว่าทหารเกณฑ์เปรียบเหมือนน้องเล็ก แต่น้องเล็กคนนี้ถูกรังแกมาโดยตลอด ไม่มีใครปกป้อง และถูกใช้ในการคุกคามทำร้ายประชาชน ถ้าลองจินตนาการเราควรเห็นรถถังไปใช้ที่ไหน ซึ่งเราควรใช้ในการปกป้องประเทศ แต่ปี 2553 ใน กทม.มีกำลังพล ใช้กระสูนเป็นแสนนัด และปฏิบัติการณ์สไนเปอร์
“วันนี้เรายืนยันว่า ด้วยบริบทความมั่นคงที่เปลี่ยนแปลงไป ทหารเกณฑ์ที่มีมากจนเกินไป ไม่ได้ตอบโจทย์ความมั่นคงมิติใหม่เลย เพียงแต่เป็นการสปอยให้เหล่านายพล อิ่มเอมกับวัฒนธรรมเดิมๆ ที่ดูแคลนประชาชนเป็นไพร่ วันนี้ผมยืนยันว่าต้องยกเลิกการเกณฑ์ทหาร และเปิดให้ประชาชนที่พร้อมอยากเป็นทหารใช้วิธีสมัครใจ ในจำนวนที่พอดี โดยที่รัฐบาล สามารถดูแลสวัสดิภาพ สร้างสวัสดิการและเส้นทางอาชีพ นี่จึงเรียกว่าการได้ทหารที่มีคุณภาพ เป็นทหารในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข พร้อมปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชน”นายวิโรจน์กล่าว.-สำนักข่าวไทย