ส.ส.ก้าวไกล อัดเละ กมธ.รับฟังความเห็นนิสิต นักศึกษาฯ

รัฐสภา 2 ก.ย.- ส.ส.ก้าวไกล อัดเละ กมธ.รับฟังความเห็นนิสิต นักศึกษาฯ ซัดไร้ประโยชน์ ไม่พูดถึงการปกป้องจาก ม.116 ที่รัฐใช้เป็นแท็กติกกดหัวประชาชน


ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณารายงานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณามีมติให้รับฟังความคิดเห็นของนักเรียน นิสิต นักศึกษา เยาวชน และประชาชน ที่มีนายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย เป็นประธาน ได้พิจารณาเสร็จแล้ว ซึ่งมี ส.ส.ก้าวไกล สลับกันลุกขึ้นตำหนิรายงานฉบับดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง อาทิ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ฝ่ายค้านไม่ขอเข้าร่วม กมธ. คณะนี้ เพราะเห็นว่า ข้อเรียกร้องของนักศึกษาครบถ้วนแล้ว จึงไม่เห็นประโยชน์จากรายงานฉบับนี้ ซึ่งเนื้อหาของรายงาน กมธ. พบว่า สามารถเชิญกลุ่มนักศึกษาได้เพียงกลุ่ม Gen กล้า กลุ่มเดียวเท่านั้น ไม่มีความเห็นของกลุ่มตัวแทนของนักศึกษาที่หลากหลาย เพราะพวกเขาเห็นว่า เปล่าประโยชน์ที่จะมาร่วม เนื่องจาก กมธ.ไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ผู้มีอำนาจคนที่สร้างปัญหาที่พวกเค้าอยากให้มารับฟัง ขณะเดียวกัน การลงพื้นที่ร่วมสังเกตการณ์การชุมนุม 7 เวทีของกมธ.นั้น คิดว่า ยังน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนเวทีที่จัดทั่วประเทศ

นางอมรัตน์ กล่าวว่า นอกจากนี้จากรายงานในส่วนของ สพฐ. ที่บอกว่า ไม่ได้มีนโยบายหรือคำสั่งห้ามจัดชุมนุมในสถานศึกษา โดยได้ทำหนังสือเวียนไปยังผู้บริหารโรงเรียนให้เปิดพื้นที่ให้แสดงความเห็น แต่ในความเป็นจริงกลับมีข้อร้องเรียน ถูกครูอาจารย์คุกคามละเมิดสิทธิเต็มไปหมด เช่นเดียวกับ ในส่วนของ สตช. ก็บอกว่า ได้สร้างทัศนคติที่ดีต่อผู้ชุมนุมได้ให้ความสะดวก ได้ปฏิบัติต่อประชาชนด้วยความนุ่มนวลอ่อนโยน แต่ในความเป็นจริงตนได้ลงไปร่วมสังเกตการณ์ในหลาย สน. พบว่า ทั้งหมดไม่เคยเกิดขึ้นจริง อย่าง เหตุการณ์สาดสีใส่เจ้าหน้าที่ที่ สน.สําราญราษฎร์ ก็เกิดจากความพยายามไม่ให้กลุ่มผู้ให้กำลังใจผู้ต้องหาเข้าไปในบริเวณ สน. นำแผงเหล็กมาปิดกั้น ขอตรวจบัตรประชาชน สร้างแรงกดดันจนรู้สึกถูกปฏิบัติแบบไม่ให้เกียรติ ทั้งๆ ที่บอกว่า เป็นโรงพักของประชาชน อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์การขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ขณะนี้ ท่านอ้างว่า คนที่ออกมาเป็นคนบางส่วนเท่านั้น อยากถามว่าท่านจะรอให้ 67 ล้านคนออกมาให้ครบถึงจะยอมรับความจริงหรือย่างไร เรื่องนี้ทำให้ตนนึกถึงขาลงของทรราชทั่วโลกที่เมื่อประชาชนออกมาขับไล่ก็จะมีอาการหลอน หลอกตัวเอง ไม่ยอมรับความจริง เชื่อข้อมูลหลอกลวงจากคนแวดล้อม กว่าจะลงจากอำนาจได้ก็ลงแบบมีโศกนาฏกรรม


นายวิโรจน์ ลักขนาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า สิ่งที่ไม่ปรากฏในรายงานนี้คือ นวัตกรรมในการคุมคามประชาชนที่รัฐบาลรังสรรค์ขึ้นมา นั้นคือมาตรา 116 ข้อหายุยงปลุกปั่น เป็นข้อหายอดฮิต ที่ถูกเอาใช้ตั้งแต่มีการทำรัฐประะหาร โดย กบฎ คสช. ปี 2557 และใช้จนถึงปัจจุบัน มีการกล่าวหาประชาชนที่แสดงความคิดเห็นตรงข้ามกับรัฐบาล ไม่ว่าจะทำกิจกรรมอะไร ชูสามนิ้ว ผูกโบว์ขาว กระกระดาษเปล่า ร้องเพลงแร๊พ ด่าตุ๊กตา อภิปรายถึงความล้มเหลวของรัฐบาลก็จะถูกดำเนินการด้วยมาตรา 116 อย่างพร่ำเพื่อทั่วประเทศ จนปั่นทอนนิติรัฐของประเทศให้สูญสลาย ขอตั้งคำถามว่าประเทศที่มีประชาชนถูกดำเนินคดีด้วยข้อหายุยงปลุกปั่นทุกวัน ประเทศนี้อยู่ไม่ได้แล้ว มีคนโดน 116 ทุกวัน สิ่งที่ผู้ชุมนุมเรียกร้อง ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญ กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม เปลี่ยนนายกฯเปลี่ยนรัฐบาล เขาไม่ได้คุกคาม ไม่ได้ข่มขู่ใคร ทุกคนที่มาชุมนุมมาด้วยความสมัครใจ จึงไม่เข้าองค์ประกอบมาตรา 116 แล้วทำไมต้องใช้มาตรา 116 หรือข้อหายุยงปลุกปั่น เพราะข้อหานี้มีโทษจำคุกถึง 7 ปี ตำรวจสามารถขอศาลออกหมายจับได้เลยโดยที่ไม่ต้องมีหลายเรียก และเงินประกันตัวก็สูงหลักแสนบาท นี้เป็นแท็กติกในการใช้คุกคามประชาชน คือสร้างภาระ สร้างชะนักปักหลังให้ประชาชน นักเรียกนักศึกษาให้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ ของรัฐบาลชุดนี้

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า รายงานฉบับนี้ไม่ได้พูดถึงและไม่ได้ให้คำแนะนำในการปกป้อง สิทธิเสรีภาพของประชาชนในการปกป้องตนเองคือการใช้ มาตรา 200 ของประมวลกฎหมายอาญา ที่ผ่านมาข้อกล่าวหาในมาตรา 116 จากสถิติเมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ก็มักจะสั่งไม่ฟ้อง จำหน่ายคดี หรือยกฟ้อง นี่จึงเป็นหลักฐานโดยชัดแจ้งว่ามาตรา 116 ถูกใช้เป็นเครื่องมือในกรกลั่นแกล้งรังแกประชาชนของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้น กมธ. ชุดนี้ควรจะแนะนำนักเรียก นักศึกษาว่า หากยืนยันว่าแสดงสิทธิเสรีภาพเป็นไปตามกรอบของรัฐธรรมนูญ ไม่มีการใช้กำลังคุกคาม ข่มขู่ผู้ใดให้มาร่วมชุมนุม หากถูกพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาในมาตรา 116 ผู้ชุมนุมปรึกษาศูนย์ทนายสิทธิฯ หาทนายไปฟ้องร้องต่ออศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ โดยตรง และให้ฟ้องมาตรา 200 พ่วงมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อไม่ให้พนักงานสอบสวนและ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้อำนาจเอามาตรา 116 กดหัวประชาชนไม่จบสิ้น

“เจ้าหน้าที่ตำรจมักอ้างกับตนเสมอว่านายสั่งมา ผมขอฝากไปยังตำรวจทุกคนว่า ถ้าท่านโดนมาตรา 200 มีผลแน่ๆ กับหน้าที่การงานของท่าน และนายท่านก็ต้องย้าย ต้องเกษียณไป นายใหม่มาจะดูแลท่านหรือไม่ และเมื่อคดีเข้าสู่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ต่อให้นายท่านจะเป็นใครก็ช่วยเหลือท่านไม่ได้ ผมยืนยันว่ารายงานฉบับนี้ควรเพิ่มเติมว่าพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ควรใช้มาตรา 116 ในการคุกคามประชาชนแบบนี้อีกต่อไป และแนะนำให้ประชาชนทุกคนที่โดน 116 ให้คืน 200 กลับไปที่ตำรวจทุกนาย และให้กระบวนการยุติธรรมสร้างบรรทัดฐานเพื่อยุติการใช้มาตรา 116 กดหัวประชาชนอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้”นายวิโรจน์ กล่าว


ด้านนายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ในประธาน กมธ. ชี้แจงว่า ตั้งแต่ กมธ. ได้รับแต่งตั้ง สิ่งแรกที่เรารู้สึกเสียใจคือ กมธ.ชุดนี้ไม่สมประกอบ เพราะมีแต่สัดส่วนพรรคร่วมรัฐบาล ถือเป็นความเสียใจที่สภาฯ จากตัวแทนประชาชน จะช่วยกันแสวงหาทางออกให้บ้านเมือง แต่กลับผลักภาระไปให้กับรัฐบาล การทำงานที่ผ่านมาเรารู้ทันทีว่า ต้องเจอกันอะไรบ้าง อย่างที่นางอมรัตน์ ระบุว่า กมธ.ชุดนี้เชิญเยาวชนมาได้เพียงกลุ่มเดียว ซึ่งตนยอมรับ ส่วนกลุ่มอื่นไม่ใช่กมธ.เพิกเฉย แต่เมื่อเชิญแล้วกลับได้คำตอบว่า ไม่ขอเข้าร่วม เพราะพวกเขารู้สึกว่า กมธ.คณะนี้ถูกตั้งมาขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนรัฐบาล เพื่อมาซื้อเวลา ตนยืนยันว่า กมธ.ไม่ได้เป็นตัวแทนรัฐบาล ไม่ได้มีการซื้อเวลา เพราะเราได้เวลาจากสภาฯ 90 วัน แต่ตนทราบว่า เรื่องนี้่เร่งด่วน จำเป็นต้องให้รัฐบาลแก้ไข กมธ.จึงใช้เวลาไม่ถึง 30 วันเพื่อสรุปเอาคำตอบมาให้สภาฯ ส่วนกรณีที่บอกว่า เราไปเวทีชุมนุมเพียง 7 เวทีมันน้อยไป ซึ่งกมธ.มีอยู่กันเท่านี้ ทำไมฝ่ายค้านไม่มาร่วมกับพวกเรา ตนชวนแล้วก็ไม่เอา บอกอย่างเดียวว่า ต้องส่งให้รัฐบาล แต่เสียงในสภาฯให้ตั้งกมธ.ก็ไม่มาร่วมด้วย มันเลยไปได้แค่ 7 เวทีเท่านั้น ส่วน ม.116 นั้น กมธ. ได้แสดงความเป็นห่วงกับตำรวจ แต่ผลที่ออกมาเพราะ เราควบคุมไม่ได้ สิ่งที่เราจะทำได้ร่วมกันในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติต้องไม่อยู่เฉย และไม่ผลักภาระไปให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แต่เราควรร่วมมือกันแล้วเรียกร้องข้อนี้ให้เกิดขึ้น

ขณะที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิรายว่า ตนเห็นด้วยกับประธานกมธ.ว่ารายงานฉบับนี้ไม่สมประกอบจริงๆ เหตุผลที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน ไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วม กมธ. เพราะเรารู้ดีว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในเวลานี้เป็นปัญหาระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ และประชาชน หลายเรื่องที่เขียนในรายงานเล่มนี้ไม่จำเป็นต้องส่งรายงานเล่มนี้ให้พล.อ.ประยุทธ์ เพราะเราก็รู้กันดีว่า ประชาชนต้องการอะไร ดังนั้น การตั้งกมธ.ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะเราต่างรู้ดีว่า หน้าที่ที่จะต้องทำคือ การส่ง พล.อ.ประยุทธ์ ไปรับฟังประชาชนอย่างตั้งอกตั้งใจ รัฐบาลจะต้องไม่หลบซ่อนอยู่ข้างหลัง แต่จะต้องออกมาเผชิญหน้าต่อประชาชน แต่ถ้าเราดูในส่วนของข้อเรียกร้องที่ต้องการให้หยุดคุกคามประชาชน ถือเป็นหน้าที่พื้นฐานของรัฐที่จะต้องปกป้องไม่ให้เกิดขึ้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตลอดมา เรากลับพบว่า การข่มขู่คุกคามสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ต้องไปรับฟังความคิดเห็นนักศึกษา และประชาชนด้วยตัวเอง ท่านจะต้องโผล่หัวออกจากกะลาแล้วออกมาเผชิญหน้า สบตาประชาชนในฐานะที่เท่าเทียมกัน ฟังทุกข้อเรียกร้อง ฟังเสียงประณามด้วย 2 หู ของท่านเอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งของการอภิปราย นายอนาวิล รัตนสถาพร ส.ส.ปทุมธานี พรรคภูมิใจไทย อดีตพรรคอนาคตใหม่ ได้ลุกขึ้นอภิปรายว่า “เหตุที่ กมธ.ชุดนี้ไม่สมประกอบ เพราะฝ่ายค้านเล่นการเมืองแบบเก่า จึงอยากเรียกร้องว่า วันนี้เรามีรัฐสภาใหม่ มีรัฐบาลชุดใหม่แล้ว ตนอยากเห็นการเมืองแบบใหม่ จึงอยากให้ฝ่ายค้านเล่นการเมืองแบบสร้างสรรค์มากกว่านี้ ไหนที่ผ่านมาบอกจะเล่นการเมืองแบบใหม่ สร้างสรรค์”

ทำให้นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตอบโต้นายอนาวิลล โดยยืนยันว่า “พรรคก้าวไกลทำการเมืองแบบสร้างสรรค์ การบอกว่า เราไม่เข้าร่วมกมธ.แล้วตีความถึงเจตนาว่า เราเล่นการเมืองแบบเก่านั้น ขอปฏิเสธ เพราะยืนยันไปแล้วตั้งแต่วันตั้งกมธ.ว่า ข้อเสนอของนักศึกษาสามารถถึงนายกฯได้เลย การจะเทียบการเมืองแบบเก่าหรือแบบใหม่ ขอเทียบกันง่ายๆคือ การเมืองแบบเก่ามีการซื้อตัว ขายตัวส.ส. ซึ่งคนทั่วประเทศไทยเรียกกันว่า งูเห่า ผมคิดว่า พรรคก้าวไกล หรืออดีตอนาคตใหม่ที่ถูกยุบไป เราไม่มีความคิดที่จะไปซื้อตัว หรือไปดึงเพื่อนส.ส.จากพรรคอื่นให้มาอยู่กับเราเลย”

ทั้งนี้การพิจารณารายงานดังกล่าวยังไม่เสร็จ เนื่องจากมีผู้ต่อคิวอภิปรายเป็นจำนวนมาก กระทั่งเวลา 19.00 น. นายศุภชัย ประธานการประชุมได้สั่้งปิดประชุมเพื่อพิจารณาต่อในวันที่ 3 ก.ย.นี้ต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Satellite images show wake of destruction of wildfires burning across California

เปิดปัจจัยที่ทำให้ไฟป่าแอลเอไหม้ลามหนัก

มีหลายปัจจัยที่ทำให้ไฟป่าในเทศมณฑลลอสแอนเจลิสหรือแอลเอ (LA) ในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐไหม้ลามเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นวิกฤตไฟป่าครั้งร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศ

รู้ตัวคนไทยพลัดตกตึกสูงฝั่งปอยเปต พบไม่ได้ถูกจับโยนลงมา

รู้ตัวคนไทยพลัดตกตึกสูง 18 ชั้น ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เบื้องต้นพบไม่ได้ถูกจับโยนลงมา และอาคารดังกล่าวถูกระบุเป็นฐานบัญชาการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีคนไทยถูกหลอกไปทำงานที่นี่จำนวนมาก

Palisades Fire

สหรัฐสั่งอพยพกว่าแสนคนหนีไฟป่า 6 จุดในแคลิฟอร์เนีย

ลอสแอนเจลิส 9 ม.ค.- สหรัฐสั่งอพยพประชาชนมากกว่า 100,000 คน เนื่องจากจำนวนไฟป่าที่โหมไหม้ในเทศมณฑลลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนียเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 6 จุดแล้ว เพราะกระแสลมแรงเทียบเท่าเฮอริเคนและสภาพอากาศแล้ง เจ้าหน้าที่เผยว่า ในจำนวนไฟป่าทั้ง 6 จุด มีอยู่ 4 จุดที่ยังไม่สามารถควบคุมได้เลย ไฟป่าจุดแรก คือ พาลิเซดส์ไฟร์ (Palisades Fire) เกิดขึ้นช่วงเช้าวันที่ 7 มกราคมตามเวลาท้องถิ่นใกล้แปซิฟิก พาลิเซดส์ ซึ่งเป็นย่านที่พักอาศัยทางตะวันตกเฉียงเหนือของเทศมณฑล ต้นเพลิงมาจากไฟไหม้พุ่มไม้ที่โหมไหม้จนเกินควบคุมเพราะกระแสลมแรง ต้องอพยพคนอย่างน้อย 30,000 คน ไฟป่าจุดที่ 2 คือ อีตันไฟร์ (Eton Fire) เกิดขึ้นในเย็นวันเดียวกันที่หุบเขาอีตันแคนยอน เผาไหม้พื้นที่ขยายวงกว้างมากพอ ๆ กับไฟป่าจุดแรก ไฟป่าจุดที่ 3 คือ เฮิร์ตส์ไฟร์ (Hurst Fire) เกิดขึ้นกลางดึกวันเดียวกันในย่านซิลมาร์ของนครลอสแอนเจลิส จากนั้นในเช้าวันที่ 8 มกราคมเกิดไฟป่าจุดที่ 4 คือ วูดลีไฟร์ […]

ข่าวแนะนำ

เตือนน้ำโขงลด ขับเรือต้องระวัง

น้ำโขงที่ จ.หนองคาย ลดลงต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ 1.20 เมตร พระธาตุกลางน้ำโผล่ชัด ชาวบ้านลงเรือสักการะขอพร คนเรือต้องขับเรือระมัดระวังมากขึ้น

สุราษฎร์ฯ คลื่นลมแรง น้ำทะเลหนุนสูงท่วมบ้าน-รีสอร์ต

ฝนตกหนัก-คลื่นลมแรง น้ำทะเลหนุนสูงซัดบ้านพัก-รีสอร์ต อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี พังเสียหาย 4 หลัง เตือนเรือประมงงดออกจากฝั่ง