รัฐบาลจ่อลดราคาเบนซิน

ทำเนียบรัฐบาล 26 ก.ย. – “พีระพันธุ์” เผย สส.ก้าวไกล ห่วงราคาพลังงาน เสนอแนวทางแก้ปัญหาให้ปชช.ได้รับความเป็นธรรม ชี้แนวทางตรงกันเตรียมทำอยู่แล้ว จ่อลดเบนซินใช้เกณฑ์กลุ่มผู้มีรายได้น้อย คาดชัดเจนเดือนหน้า


นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวภายหลังนายศุภโชติ ไชยสัจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลเข้าหารือเรื่องนโยบายด้านพลังงาน ว่า สาเหตุที่เชิญมาหารือวันนี้ (26 ก.ย.) เนื่องจากวันที่ 28 ก.ย. อาจจะไม่มีเวลาไปตอบกระทู้สดในสภาผู้แทนราษฎร จึงเชิญ สส.พรรคก้าวไกลมาชี้แจงและร่วมหารือกัน สิ่งไหนที่เป็นประโยชน์กับประชาชนก็ต้องรับฟัง เพื่อรับทราบข้อเสอนแนะและข้อห่วงใย เพราะบางเรื่องรอไม่ได้ ซึ่งข้อห่วงใยของนายศุภโชติมีประเด็นที่ตรงกับข้อห่วงใยของตน เพราะกำลังจะทำแนวทางที่นายศุภโชติเสนอเช่นกัน การพูดคุยก็เป็นไปด้วยดี และข้อเสนอตรงกัน โดยเฉพาะแผนร่วมลงทุน หรือ PPP

“สส. พรรคก้าวไกลได้เสนอแผนร่วมลงทุน จึงให้ไปจัดทำรายละเอียด เพื่อนำเสนอมา จะได้มีข้อมูลที่ชัดเจน และผมยินดีที่จะทำเรื่องนี้ไปพิจารณาประกอบการดำเนินนโยบายต่อไป นอกจากนี้ยังเสนอแนะว่าหลังจากที่รัฐบาลมีมาตรการลดราคาพลังงานไปแล้ว ควรจะมีมาตรการระยะยาว ซึ่งตรงกับสิ่งที่ผมคิดไว้ แต่โครงสร้างพลังงานในปัจจุบันปรับลดราคาในช่วงนี้ดีกว่าไม่คิดจะทำอะไรเลย และเห็นพ้องกันว่าควรต้องทำต่อ” นายพีระพันธุ์ กล่าว


นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ขณะเดียวกันต้องเตรียมแก้ไขปัญหาก๊าซธรรมชาติ โดยเฉพาะก๊าซที่นำเข้ามาใช้ในภาคครัวเรือน การนำมาผลิตไฟฟ้า จะต้องปรับแผนเพื่อให้ประชาชนใช้ก๊าซที่มาจากอ่าวไทยให้มากขึ้น ในราคาที่ถูกลง ซึ่งเรื่องดังกล่าวตรงกับนโยบายของตนอยู่แล้ว แต่เรื่องทั้งหมดต้องใช้เวลาในการทำงาน เพราะเพิ่งเข้ามารับหน้าที่เพียง 10 กว่าวัน ซึ่งข้อเสนอและนโยบายที่มีตรงกันหมด ยืนยันว่าการลดราคาพลังงานที่ผ่านมา ไม่ได้ใช้งบประมาณแผ่นดิน เรื่องนี้สส.พรรคก้าวไกลเข้าใจและรู้ว่ามีวิธีการใช้จ่ายงบประมาณอย่างไร ขณะเดียวกันโครงสร้างราคาพลังงานจะต้องปรับเปลี่ยน เพราะใช้มานานแล้ว จึงจำเป็นต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงภายใต้เงื่อนไขที่ว่าคนไทยต้องได้รับประโยชน์

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ส่วนการเดินทางเยือนกัมพูชาของ นายกรัฐมนตรี วันที่ 28 ก.ย.นี้ จะไม่มีการหารือในประเด็นพลังงานในเขตพื้นที่ทางทะเลในอ่าวไทย ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ์ในเขตไหล่ทวีป หรือ OCA

ส่วนการลดราคาน้ำมันเบนซิน นายพีระพันธ์ุ กล่าวว่า ล่าสุดได้รับรายงานจากกรมธุรกิจพลังงานว่ามีความเป็นไปได้ แต่ตนพยายามทำความเข้าใจหลายเรื่อง เพราะคิดว่าผิดกับหลักตรรกะ แต่จะพยายามทำงานประสานความเข้าใจกันให้ได้ น้ำมันเบนซิลมีหลายตัว หลายเกรด และหลายราคา มีโครงสร้างที่หลากหลาย จึงสั่งการให้เอาน้ำมันเบนซินชนิดที่ถูกและต่ำที่สุดเป็นเกณฑ์ แล้วคิดว่าราคาน้ำมันตัวนี้จะทำอย่างไร เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด


“ในอดีตมองในมุมของวินจักรยานยนต์ และเกิดปัญหาในขั้นตอนการลงทะเบียน ผมจึงย้ำว่าไม่ได้มีแค่วินจักรยานต์ที่ใช้น้ำมันชนิดนี้ เพราะมีอีกหลายอาชีพที่ใช้ เช่น อาชีพรับส่งอาหาร แต่ที่สำคัญ หากมีปัญหาเรื่องเกณฑ์การลดราคา ผมจึงสั่งการให้ใช้เกณฑ์ของผู้มีรายได้น้อย ซึ่งเรื่องนี้น่าจะทำได้ จึงมั่นใจว่าหลังจากมอบโจทย์ไปแล้ว กรมธุรกิจพลังงานน่าจะหาแนวทางออกมาได้ โดยกำหนดเวลาว่าต้องได้คำตอบภายในเดือน ต.ค.นี้ ซึ่งแสดงถึงข้อห่วงใยของผมและนายกรัฐมนตรีที่ลงมือทำอย่างจริงจัง ตั้งใจทำงานจริง ดีกว่านั่งเฉย ๆ” นายพีระพันธุ์ กล่าว

ด้านนายศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า การหารือภาพรวมเป็นไปด้วยดี ซึ่งนายพีระพันธุ์รับฟัง โดยนำปัญหาที่ได้รับจากการร้องเรียนของประชาชนมาแจ้งให้นายพีระพันธุ์ทราบ โดยเฉพาะปัญหาราคาค่าไฟแพง ซึ่งเรื่องนี้ต้องมองเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งอาจแพงจากราคาเชื้อเพลิงพลังงาน แต่สิ่งสำคัญต้องพิจารณา คือราคาค่าไฟที่แพง เป็นธรรมหรือไม่ และสามารถอธิบายให้ประชาชนได้เข้าใจได้หรือไม่ ซึ่งในส่วนของพรรคก้าวไกลเห็นว่ายังไม่เป็นเช่นนั้น จึงเสนอวิธีการที่จะทำให้ค่าไฟเป็นธรรมกับประชาชนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ การร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน การเจรจาแก้ไขสัญญาซื้อขายไฟฟ้า เพื่อลดค่าความพร้อมจ่ายซึ่งนายพีระพันธุ์ รับจะนำไปพิจารณา

“พรรคก้าวไกลเสนอแนวทางแก้ปัญหาพลังงานระยะยาว เพราะเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง จึงเสนอให้ปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ การถัวเฉลี่ยต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติ การทำแผนพลังงาน ลดการผูกขาด การเปิดตลาดเสรีซื้อขายไฟฟ้าในอนาคต และทำให้ประชาชนมีตัวเลือกมากขึ้น และเกิดสภาวะ การแข่งขันในภาคพลังงาน ส่วนมาตรการที่รัฐบาลลดค่าไฟจาก 4.10 บาท เหลือ 3.99 บาทต่อหน่วย ผมเห็นด้วยว่าเป็นมาตรการเร่งด่วนที่ควรทำ แต่เรื่องที่ว่า จะเอาเงินส่วนไหนมาชดเชยตรงนี้ นายพีระพันธุ์ขอไปศึกษาก่อน” นายศุภโชติ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มท.1 เด้งฟ้าผ่า ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี

เมืองทองธานี 7 ส.ค.-รมว.มหาดไทย สั่งเด้งฟ้าผ่า “ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี” ก่อนประชุมมอบนโยบายกระทรวงมหาดไทย เหตุมีปัญหาเบิกจ่ายงบประมาณดูแลประชาชนได้รับผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยก่อนการประชุมมอบนโยบายสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ว่า ได้มีการสั่งย้าย ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ให้มาช่วยราชการที่กระทรวงมหาดไทย หลังมีปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณในการช่วยเหลือดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีการเบิกงบทดรองราชการจ่ายเพียง 55,600 บาท จากที่รัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้ 100 ล้านบาท ส่วนจะย้ายชั่วคราว หรือถาวรน้้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากัน เมื่อถามว่า จะรอผลสอบก่อนใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากันในรายละเอียด โดยคำสั่งจะออกในช่วงเช้าวันนี้ อย่างไรก็ตาม มีการยืนยันจากผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ว่าได้เดินทางมาร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย​ แต่ปฏิเสธที่จะแสดง​ความเห็น​ และไม่ขอให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน.-315.-สำนักข่าวไทย

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย