ระยอง 24 ส.ค. พุทธิพงษ์ เล็งต่อยอดการใช้ประโยชน์จากศูนย์ดิจิทัลชุมชน เพิ่มการพัฒนาเชิงรุกให้ชุมชนเข้าถึงบริการภาครัฐสะดวกยิ่งขึ้น หนุนพัฒนาแพลตฟอร์มหลักสูตรการเรียนออนไลน์
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวระหว่างการลงพื้นที่ตรวจราชการ และเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ จ.ระยอง ว่า ตนได้มีข้อสั่งการให้ดำเนินการต่อยอดการใช้ประโยชน์จากศูนย์ดิจิทัลชุมชน ที่นอกเหนือจากการอบรมให้ความรู้และการชายสินค้าออนไลน์ ควรเพิ่มในเรื่องของการท่องเที่ยว การสาธารณสุข และความรู้ในท้องถิ่น การค้นคว้าหาความรู้ โดยมุ่งเน้นความเชื่อมโยงกับหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป อีกทั้ง เร่งรัดพัฒนาเชิงรุกให้ชุมชนการเข้าถึงบริการของภาครัฐ ได้สะดวกและง่ายขึ้น
คณะผู้บริหารของดีอีเอส ได้เข้าเยี่ยมชมพื้นที่ใน 3 จุด ที่ดำเนินการโครงการเน็ตประชารัฐ ซึ่งในส่วนของ จ.ระยอง มีจำนวนจุดติดตั้งเน็ตประชารัฐ ทั้งหมด 114 หมู่บ้าน กระจายอยู่ในทุกอำเภอ โดยให้บริการที่ระดับความเร็วไม่ต่ำกว่า 30 Mbps /10 Mbps รวมถึงจุดที่ได้รับการจัดตั้งเป็นศูนย์ดิจิทัลชุมชนด้วย แต่ละจุดมีจุดเด่นในการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายเน็ตประชารัฐแตกต่างกันตามบริบทและความต้องการของชุมชน อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมได้มอบข้อเสนอแนะและข้อสั่งการ ให้ขยายจากการอบรมให้ความรู้และการชายสินค้าออนไลน์ ควรเพิ่มในเรื่องของการท่องเที่ยว การสาธารณสุข และความรู้ในท้องถิ่นสนับสนุนการสร้างแพลตฟอร์มการเรียนการสอนออนไลน์ ใช้การพัฒนาเชิงรุกให้ชุมชนเข้าถึงบริการภาครัฐได้สะดวกยิ่งขึ้นและเกิดความรู้ใหม่ๆ ในการเพิ่มมูลค่าสินค้า และขยายโอกาสกระจายสินค้าดีในท้องถิ่นสู่ลูกค้าทั่วโลกผ่านการค้าขายออนไลน์
ภายหลังการเยี่ยมชม ศูนย์ดิจิทัลชุมชน อบต.กะเฉด อ.เมือง จ.ระยอง ที่เป็นพื้นที่นี้มีสินค้าชุมชนที่สำคัญ คือ ไม้กฤษณาเครื่องจักสาน ตะกร้า และดอกไม้จันท์ เป็นต้น โดยเฉพาะไม้กฤษณา มีฐานลูกค้าส่วนหนึ่งในตลาดต่างประเทศ วิสาหกิจชุมชนบ้านเนินสว่าง หมู่ที่ 6 ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จังหวัดระยอง ซึ่งชาวบ้านทำสวนยางพาราเป็นอาชีพหลัก และหลุดพ้นจากวงจรปัญหาราคายางตกต่ำ ได้ด้วยการรับถ่ายทอดเทคโนโลยีความรู้เรื่องการแปรรูปยางเป็นผลิตภัณฑ์จาการยางแห่งประเทศไทย และพื้นที่ติดตั้งเน็ตประชารัฐที่หมู่ 5 บ้านเกษตรศิริ ต.สำนักทอง อ.เมืองระยอง จ.ระยอง นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า
เมื่อมีการทำสินค้าแบรนด์ตัวเอง จึงต้องเพิ่มการบริหารจัดการหน้าร้านและคลังสินค้าของวิสาหกิจชุมชนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น กระทรวงดิจิทัลฯ โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) ได้เข้าไปสนับสนุนเทคโนโลยีระบบบริหารรจัดการร้านค้าและคลังสินค้าประยุกต์ใช้ อย่างไรก็ตาม การขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์นั้น ผู้ซื้อไม่ได้เห็นสินค้าจริง ดังนั้นการนำเสนอสินค้าบนเว็บไซต์ให้น่าสนใจจึงมีความสำคัญอย่างมาก ทั้งการถ่ายภาพ การเขียนรายละเอียดสินค้าและการเล่าเรื่องราวเทคโนโลยี ภูมิปัญญาชาวบ้านที่ใช้ในการผลิต
ดังนั้นอยากให้ดีป้าเข้าไปช่วยส่งเสริมอบรมในการนำเสนอสินค้าบนช่องทางออนไลน์ทั้งการถ่ายภาพ การเขียนรายละเอียดสินค้า และการเล่าเรื่องราวเทคโนโลยี ภูมิปัญญาชาวบ้านที่ใช้ในการผลิต ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ รวมถึงเรื่อง การออกแบบผลิตภัณฑ์ และการสร้างมาตรฐานของสินค้า เพื่อสร้างจุดขาย สร้างโอกาสกระจายสินค้าไปทั่วโลกและเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า อีกทั้งควรใช้ระบบบาร์โค้ดในการจัดเก็บและขายสินค้า เพื่อให้สะดวกต่อการนับสินค้าคงคลัง และมีการพัฒนาแพลตฟอร์มเกี่ยวกับหลักสูตรการการเรียนออนไลน์ให้กับผู้ที่มีความสนใจ สามารถเรียนย้อนหลังได้ ทั้งนี้นโยบายรัฐบาล ในการขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุมหมู่บ้านทั่วประเทศ คือการลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการของภาครัฐ สร้างชุมชนให้มีความเข้มแข็ง ดังนั้นต้องสร้างการรับรู้ให้ใช้ประโยชน์เน็ตประชารัฐของประชาชน มีการติดตามและแก้ไขปัญหาเรื่องสัญญาณการใช้งานเน็ตประชารัฐในพื้นที่ให้ไกลยิ่งขึ้นอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกิดการใช้งานอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ตลอดจนต่อยอดการใช้ประโยชน์ส่งเสริมในการค้าขายออนไลน์ ของดีชุมชนเพื่อขยายโอกาสไปได้ทั่วโลก-สำนักข่าวไทย.