กรุงเทพฯ 11 ส.ค. เขมทัตต์ ฝากผู้บริหารใหม่ สานต่องาน ชี้ซีอีโอใหม่ต้องรอบรู้กฎหมาย การเงิน พร้อมย้ำเงินเยียวยาคืนคลื่น 2600 เมกกะเฮิรตซ์ เต้องข้าสู่ศาล วอนอย่าเอาหนังสือฉบับเดียวมาเป็นตัวตัดสิน
นายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์ในโอกาสจะพ้นจากการดำรงตำแหน่งว่า ช่วงที่เข้ามารับตำแหน่งเป็นช่วงหลังการเกิดขึ้นของทีวีดิจิทัลเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงและองค์กรกำลังเข้าสู่การขาดทุน อสมท ในเวลานั้นเป็นผู้ให้บริการทีวีดิจิทัล และผู้ให้บริการโครงข่ายการออกอากาศทีวีภาคพื้นดิน ขณะเดียวกันเกิดแพลตฟอร์มใหม่เกิดขึ้น เนื่องจากอสมท เป็นองค์กรสื่อที่มีสื่อทั้งวิทยุโทรทัศน์อยู่รวมกันจึงต้องมาจัดระบบกันใหม่ด้วยการเสนอปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อรองรับด้วยการปรับองค์กร อสมท ตระหนักว่าขณะนี้เม็ดเงินจากสัมปทานกำลังจะหมดไป ขณะที่การแข่งขันในอุตสาหกรรมสื่อมีการแข่งขันสูงมากขึ้น ต่อมามีมีเดียเกิดใหม่ทั้งโซเชียลมีเดีย และการมาของสื่อออนไลน์ สื่อสิ่งพิมพ์และสื่อโทรทัศน์เริ่มเข้าสู่สื่อออนไลน์มากขึ้น อสมท พยายามปรับโครงสร้างองค์กรรองรับ โดยหาบุคลากรที่มีความสามารถเข้ามาดูแล อสมท เปิดโอกาสคนในและให้คนนอกเข้ามาบริหารงานเกิดเป็นสำนักธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์มและสำนักบริหารดิจิทัลแพลตฟอร์ม ฝ่ายหนึ่งทำหน้าที่พัฒนาเนื้อหาใหม่หาพันธมิตรเพิ่มในการทำสื่อดิจิทัล ฝ่ายหนึ่งนำเนื้อหาเดิมที่มีอยู่มาพัฒนาให้เกิดมูลค่าเพิ่ม
“การบริหารที่ผ่านมาขับเคลื่อนได้ค่อนช้าเพราะองค์กรเราใหญ่ ติดขัดองคาพยพหลายอย่าง เงินทุนเราไม่เพียงพอที่จะทำงานได้อย่างคล่องตัว แต่อสมท ได้เตรียมตัวปรับตัวให้มีความคล่องตัวมากขึ้น โดยกำลังจะเปิดตัวดิจิทัลแพลตฟอร์ใหม่ คิดว่ายังทำงานไม่ครบตามที่ตั้งใจ เวลาน้อยมาก ต้องแก้ปัญหาทั้งโครงสร้างภายใน การเปลี่ยนแปลงแนวคิด การหาพันธมิตร ช่วงที่เข้ามพันธมิตรที่เคยทำรายการให้เราหายไปหมด เอเจนซี่ก็ตามพันธมิตรเราไป ทำให้เราต้องควักเงินทำรายการ ทำคอนเทนท์ใหม่ ที่ผ่านมาเราไม่ได้ใช้งบประมาณทำคอนเทนต์มากนัก หลังการเกิดทีวีดิจิทัลเราต้องควักเงินทำคอนเทนต์เอง ค่าคอนเทนต์คือหนึ่งในสามของค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทีวีดิจิทัล และเราไม่ได้ลงทุนแค่คอนเทนต์เราต้องลงทุนโครงข่ายแต่จะมีรายได้เข้ามาแต่ผลของการมีทีวีดิจิทัลจำนวนมาก็ทำให้กสทช.มีมาตรการช่วยเหลือ เราเป็นหน่วยงานรัฐ ไม่มีธุรกิจอื่น เรามีเงินมาจากธุรกิจของเราเองทั้งนั้นจึงทำให้เราต้องมีต้นทุนเพิ่มขึ้น ” นายเขมทัตต์ กล่าว
นายเขมทัตต์ กล่าวอีกว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมาคิดว่าได้วางพื้นฐานไว้แล้วระดับหนึ่ง ทั้งการแก้ปัญหาการรั่วไหล การเพิ่มแพลตฟอร์มบันเทิงแวม และการพัฒนาช่องทางสำหรับการเสนอข่าวออนไลน์ อสมท มีจุดแข็งในการทำข่าวที่มีความเชื่อถือ สิ่งที่ต้องทำคือทำอย่างไรให้การรับรู้ทั่วถึง ข้อมูลข่าวสารไปถึงคนรุ่นใหม่ได้ง่ายขึ้น ทันสมัยมากขึ้นเร็วขึ้น ทันกับความต้องการมากขึ้น ธุรกิจจะเติบโตหรือไม่เติบโตอย่างไรขึ้นอยู่กับกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ที่จะเข้ามาขับเคลื่อน และพนักงานจะนำพาองค์กรไปได้หรือไม่
“คนรุ่นใหม่ได้ดูทีวีแล้ว คนรุ่นใหม่ดูตามความชอบของตัวเอง ดูตามกระแส ดูตามโซเชียล เราตั้งวิสัยทัศน์ในการเป็นองค์กรที่รักษาความเชื่อมั่น เป็นองค์กรสร้างเนื้อหาที่เชื่อถือได้ ตรวจสอบได้ อสมท ควรเป็นองค์กรระดับชาติที่ทำหน้าที่ตรวจสอบความเชื่อมั่นของข่าวได้ ”
ส่วนที่ยังไม่ได้ทำคือการพัฒนาหลักสูตรใหม่ให้ตอบสนองคนรุ่นใหม่และวิธีการเรียนออนลไน์มากขึ้น การพัฒนาที่ดินด้านหลังสำนักงานใหญ่อสมท ธุรกิจกิจอสังหาริมทรัพย์แม้ไม่ใช่ธุรกิจหลักของเราแต่เราต้องทำ โดยจะพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยจะตั้งคณะกรรมการมาบริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อวางรูปแบบในการร่างทีโออาร์ให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของกระทรวงการคลังให้เสร็จภายในเดือนกันยายน-ตุลาคม จากนั้นจึงจะเปิดให้นักลงทุนเข้ามา โดยดยล่าสุดมีการผ่อนคลายกฎเกณฑ์ข้อกฎหมายให้ทำธุรกิจนี้ได้คล่องตัวมากขึ้น ปีหน้าอสมท.คงจะพัฒนาเนื้อหาที่มุ่งเน้นการทั้งสาระและความบันเทิงมากขึ้น ทั้งความร่วมมือแพลตฟอร์มเพลงกับแวมมิวสิก
ถ้าจะฝากอะไรถึงซีอีโอใหม่อยากจะฝากอะไร นายเขมทัตต์ กล่าวว่า ขอให้ช่วยดูว่าองค์กรเราจะไปในทิศทางไหน โครงการที่เป็นประโยชน์ที่ได้วางไว้โครงการได้จะสามารถสานต่อก็สานต่อได้ ถ้ามีอะไรใหม่ๆ ที่ควรทำและเป็นประโยชน์กับพนักงานก็ขอให้ทำ นอกจากนี้ขอให้สนใจเรื่องกฎหมายมากๆ ปีหน้ากฎหมายกสทช.ฉบับแก้ไขน่าจะเสร็จสมบรูณ์ และกำลังจะมีบอร์ดใหม่เข้ามา ยังจะมีกฎหมายที่ต้องให้ความสำคัญอาทิ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล , การจะเกิดขึ้นของสภาสื่อมวลชน , กฎหมายเกี่ยวกับโซเชียล และต้องมีความรู้ทางด้านการเงิน ปัจจุบันเราประคององค์กรไม่ให้ขาดทุนไปมากกว่านี้ ถ้าย้อนไปตั้งแต่การทำธุรกิจทีวีดิจิทัล อสมท. ควรจะเก็บเงินสดไว้มากๆ เวลานั้นธนาคารพานิชย์ยังให้เงินกู้เพื่อประกอบกิจการทีวีดิจิทัล ถ้าตอนเราเรากู้เงินมาส่วนหนึ่งเพื่อทำธุรกิจและหมุนเงินไปเก็บเงินสดไว้ การมีเงินเก็บไว้มากๆ จะช่วยรักษาทุนไว้ได้ การสามารถบริหารธุรกิจได้เราต้องมีรายจ่ายค่าธรรมเนียมใบุอนุญาตและต้องผลิตรายการใหม่ๆ ซีอีโอใหม่ที่จะมีควรมีความรู้เรื่องการเงินด้วย
เมื่อถามถึงปัญหาการชดเชยค่าเรียกคืนคลื่นความถี่ 2600 เมกกะเฮิรตซ์ นายเขมทัตต์ กล่าวว่า ในขั้นตอนปัจจุบันเป็นขั้นตอนของการฟ้องร้อง เมื่อกฎหมายเขียนไว้ว่าหากไม่พอใจให้ทำการฟ้องร้องได้ก็ต้องดำเนินการ ตามกฎหมาย ตนเชื่อว่ายังมีคนที่ไม่เข้าใจเรื่องนี้อย่างแท้จริง อย่าไปเอาเรื่องจดหมายแค่ฉบับเดียว แต่ต้องย้อนกลับไปดูเรื่องกฎหมายและบันทึกที่อสมททำถึงกสทช.มาโดยตลอด ตอนนี้ ผู้ตรวจสอบบัญชีของเราเข้าใจแล้วแต่คนนอกยังไม่เข้าใจ ถ้าอ่านประกาศของกสทช.แล้วทำความเข้าใจจะทราบว่าสิ่งที่เขียนมาความหมายอย่างไร การเขียนกฎระเบียบของกสทช.มีความหมายลึกมาก ซึ่งต้องทำคามเข้าใจ การบอกว่าผู้บริหารไปเอื้อให้คนนั้นคนนี้ อยากถาว่าเอื้อยังไงในเมื่อทุกอย่างมันยังไม่จบเรื่องเลย ถามว่าตอนนี้สัญญาร่วมการงานกับเอกชนคู่สัญญายังอยู่ให่ ยังอยู่ ถ้าเราทำตามสัญญาเราเสียเปรียบ ถ้าเราไม่ทำตามสัญญาเราก็เสียเปรียบ ความเห็นและข้อมูลของอนุกรรมการเยียวยาการเรียกคืนคลื่นความถี่เป็นสิ่งที่เป็นหลักฐานได้ก็ต้องยึดเอาความเห็นนั้น ตนยังไม่ขอให้ความเห็นอะไรขอให้ไปว่ากันที่ศาล ตนไม่ได้มีอำนาจในการไปบอกว่าแบ่งค่าเยียวยาเท่าใด ตนมีหน้าที่ในการให้ข้อมูลเพื่อให้กสทช.พิจารณาว่าจะแบ่งค่าเยียวยาอย่างไร ตนไม่ขอว่าใครผิดทั้งนั้น
ส่วนสิ่งที่กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท.จะทำคือ “เมื่อเกษียณแล้วคงไปทำบุญไม่ขอกลับมาทำงานหรือทำอะไรแล้ว อยากไปทำบุญและทำภาระกิจส่วนตัวที่ยังไม่ได้ทำที่เหลือให้ซีอีโอใหม่ขับเคลื่อนองค์กรต่อไป “-สำนักข่าวไทย.