ผอ.ศูนย์อาญาและอาชญาวิทยา นิติฯมธ.ชี้ความน่าเชื่อถือยุติธรรมไทยลดลง

กรุงเทพฯ 29 ก.ค.- ผอ.ศูนย์อาญาและอาชญาวิทยา คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ มองความน่าเชื่อถือในกระบวนการยุติธรรมไทยลดลง หลังอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง”บอส อยู่วิทยา พร้อมตั้งคำถาม“ ไม่เกรงใจชาวบ้านบ้างเลยหรือ”


         จากกรณีพนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีเด็ดขาดนายวรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลัง ในคดีขับรถชนตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิต หลังผ่านกระบวนการสอบสวนมาถึง 8 ปี จนเกิดข้อสงสัยในสาธารณชนเป็นวงกว้าง

         ศาสตราจารย์สุรศักดิ์ ลิขสิทธิ์วัฒนกุล ผู้อำนวยการศูนย์อาญาและอาชญาวิทยา คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงหลักการพิจารณาสั่งคดีของพนักงานอัยการว่า ต้องอยู่บนพื้นฐานของพยานหลักฐานเป็นสำคัญ โดยเหตุผลที่จะไม่สั่งฟ้องคดีนั้นปกติ มี 3 กรณี คือ  1.พยานหลักฐานไม่มีน้ำหนัก


เพียงพอที่จะเอาความผิด 2.พยานหลักฐานได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และ 3.เป็นกรณีไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะที่จะดำเนินคดีผู้ต้องหา

          ซึ่งคดีที่กำลังอยู่ในกระแสวิพากษ์วิจารณ์ขณะนี้ เหลือเพียงเหตุผลด้าน น้ำหนักพยานหลักฐานเท่านั้น ซึ่งแม้ว่าพนักงานอัยการจะมีอิสระในการสั่งคดี แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะใช้ดุลพินิจไปในทางใดก็ได้ หากพบพยานหลักฐานปรากฏในสำนวนจำนวนมากก็ควรมีความเห็นสั่งฟ้องคดี

        โดยหลักในการใช้ดุลพินิจต้องพิจารณาชั่งน้ำหนักพยานหลักฐาน ซึ่งปัจจุบันควรยึดถือพยานทางนิติวิทยาศาสตร์ถึงร้อยละ 90  สำหรับคดีนี้พยานบุคคลที่มาให้การ หลังผ่านมา 6 ปี ว่าขับรถตามหลังนายวรยุทธ ในความเร็วไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตามความเห็นแล้วถือเป็นความคิดเห็นที่พิสูจน์ชัดแจ้งไม่ได้


         ศาสตราจารย์สุรศักดิ์ ให้ความเห็นว่า การใช้ดุลพินิจสั่งคดีในลักษณะนี้ ทำให้ความน่าเชื่อถือในกระบวนการยุติธรรมไทย ลดลง และดูดาย มีแต่คนจนเท่านั้นที่ติดคุก เพราะหากเทียบกับคดีอื่น เช่น คดีแม่ขโมยซาลาเปาไปให้ลูก ต้องให้ผู้มีอำนาจเบื้องบน เช่น อัยการสูงสุดเป็นผู้สั่งไม่ฟ้องคดี ด้วยเหตุไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ในทางกลับกันคดีดังกล่าวกลับกระตือรือร้นเกินไปที่จะสั่งไม่ฟ้อง จึงอยากตั้งคำถามกับเหตุที่เกิดขึ้นว่า “ ไม่เกรงใจชาวบ้านบ้างเลยหรือ”

         ส่วนจะนำคดีกลับมาพิจารณาคำสั่งอีกครั้งได้หรือไม่ เชื่อว่าหากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงจองอัยการพบความบิดพริ้ว ในการพิจารณาสั่งไม่ฟ้อง สามารถเปิดการสอบสวนใหม่ได้โดยอาศัยเหตุยกเว้นในมาตรา 147 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา กรณีได้พยานหลักฐานใหม่อันสำคัญแก่คดี ซึ่งน่าจะทำให้ศาลลงโทษผู้ต้องหาได้ เช่น อาจให้ตรวจวัดหาความเร็วอีกครั้งเพื่อเป็นพยานหลักฐานใหม่ในคดี

      นอกจากนี้หากพิสูจน์ได้ว่ามีการทำพยานหลักฐานโดยมิชอบ อาจสามารถดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องได้อีกด้วย .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกเอกราช

ศาลสั่งจำคุก 5 ปี 93 เดือน “เอกราช” สส.ภูมิใจไทย

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก 5 ปี 93 เดือน นายเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น เขต 4 พรรคภูมิใจไทย พร้อมสั่งชดใช้เงินกว่า 405 ล้านบาท คดียักยอกเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น 1,275 ล้านบาท

ลูกนายกเบี้ยว

“อนุทิน” ลั่นต้องดำเนินคดี “ลูกชายนายกเบี้ยว”

“อนุทิน” ลั่นไม่มีใครใหญ่กว่าผม ต้องดำเนินคดี “ลูกชายนายกเบี้ยว” ฮึ่มเป็นลูกใครทำผิดกฎหมายก็โดน ถามใหญ่กว่าผมไหม ถ้าไม่ใช่ก็โดนหมด

สลด แม่คลอดลูกเสร็จ ไปเล่นสงกรานต์ต่อ ปล่อยเด็กตาย

สลด สาววัย 27 ปี คลอดลูกทิ้งไว้ข้างกระถางต้นไม้ แล้วไปเล่นน้ำสงกรานต์ต่อ นานกว่า 1 ชม. มีคนแจ้งกู้ภัย พยายามปั๊มหัวใจ แต่ช่วยเด็กไม่ทัน

ผู้ป่วยแจ้งกู้ภัยเข้ามาช่วย แต่บอกบ้านเลขที่ผิด สุดท้ายเสียชีวิต

สลด หญิงวัย 54 ปี หายใจไม่ออกโทรแจ้งกู้ภัยให้เข้ามาช่วยพาส่งโรงพยาบาล แต่ปรากฏว่าแจ้งบ้านเลขที่ผิด เจ้าหน้าที่หลงทาง สุดท้ายไปไม่ทัน เสียชีวิตอยู่ข้างแม่ที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง พบทั้งบ้านมีกองขยะสูงเท่าหลังคา

ข่าวแนะนำ

“นายกเบี้ยว” พาลูกเข้ารับทราบข้อกล่าวหา-ตร.ยัน “พีช” เจตนาทำผิดอาญา

กรณี “พีช” ลูกนายกเบี้ยว ขับรถหรูปาดหน้าชนกระบะลุงป้า ตำรวจ สภ.ลำลูกกา ยืนยันพฤติการณ์ไม่ใช่แค่ขับรถประมาท แต่เจตนาทำผิดคดีอาญา และโดนแจ้งข้อหาขับรถไม่มีใบอนุญาต เนื่องจากใบขับขี่หมดอายุตั้งแต่ปี 64 ขณะที่ล่าสุด “นายกเบี้ยว” พาลูกชายเข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว

“ชัชชาติ” รับหลักฐานบางส่วนเสียหาย อาจตรวจสอบคุณภาพยาก

“ชัชชาติ” นำทีม กทม. พบ นายกฯ รายงานคืบหน้ากู้ซากอาคาร สตง. ถล่ม ย้ำ รัฐ-เอกชน ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่ขาดเหลือด้านใด เผย นายกฯ ติดตามเรื่องนี้ต่อเนื่อง พร้อมให้ความร่วมมือตำรวจเก็บหลักฐาน แนะ ไปหน้างานประสานเจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานได้เลย ยอมรับ หลักฐานบางส่วนพังเสียหาย อาจตรวจสอบคุณภาพยาก

ปิดเขาล้อมจับมือปืนลำดับ 93 หนีคดี 10 ปี

ปฏิบัติการบุกขึ้นเขาปิดล้อม จับกุมมือปืนคนสำคัญ ลำดับ 93 ค่าหัว 1 แสนบาท ก่อเหตุอุกอาจหนีคดีมา 10 ปี แต่สุดท้ายไม่รอดมือตำรวจ