ก.ต่างประเทศ 23 ก.ค. – นายกฯ ประชุมหัวหน้าส่วนราชการ เน้นย้ำการทำงานแบบ New normal และรวมไทยสร้างชาติ ขอทูตไทยดึงศักยภาพไทยโชว์เวทีโลก โดยเฉพาะด้านสาธารณสุข ระบุ รัฐบาลพยายามรักษาเสถียรภาพ เพื่อประโยชน์ต่อทุกภาคส่วน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า วันนี้ (23 ก.ค.) ว่า ได้สั่งการที่ประชุมให้ปรับปรุงการทำงานส่วนราชการทุกภาคส่วน ให้เป็นรูปแบบ new normal ต้องปรับทั้งองค์กร บุคลากร วิธีการทำงาน ลดอุปสรรคการทำงานให้เร็วขึ้น ภายใต้กฏหมายที่มีอยู่ เพื่ออำนวยการทำงานให้เดินหน้าไปได้ด้วยดี โดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศ และการขับเคลื่อนนโยบายต่างประเทศ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ภายใต้ความท้าทายในบริบทต่างๆ ของโลก โดยเฉพาะช่วงสถานการณ์โรคโควิด-19
“ความสำเร็จจะเกิดขึ้นหรือไม่ ต้องเป็นไปตามหลักการรวมไทยสร้างชาติ คือ คนไทยทุกช่วงทุกวัยและทุกกลุ่ม รวมถึง ส่วนราชการ รัฐบาลและนักการเมือง จะต้องมาร่วมใจกันพัฒนาประเทศสู่วันข้างหน้า ให้สอดคล้องกับวิกฤตโควิด-19 ที่กำลังทำให้ทุกอย่างตกต่ำลง โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน ต้องพัฒนาเรื่องสุขภาพ ซึ่งไทยได้รับการยอมรับจากต่างประเทศในระดับหนึ่งควบคู่กันไปด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศสร้างการรับรู้ในเวทีต่างประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจในด้านการท่องเที่ยว ความมั่นคง แหล่งอาหารและสาธารณสุข เน้นให้เปรียบเสมือนการขายของดี ที่เป็นอัตลักษณ์ของไทย ให้ต่างชาติได้รับรู้ รวมถึง เรื่องการส่งเสริมการลงทุนในประเทศ ซึ่งจะต้องดำเนินการปรับการทำงานให้เข้มข้นยิ่งขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังต้องเตรียมการรับมือกับเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน ที่ประเทศไทยต้องปรับกฏหมายรองรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และการดำเนินการทุกอย่างต้องโปร่งใส ประเทศชาติได้ประโยชน์ ทั้งความร่วมมือระดับทวิภาคีและพหุภาคี
“การแก้ปัญหาย่อมมีอุปสรรค แต่ต้องหาวิธีการปฏิบัติให้เหมาะสม จะให้ถูกใจคนทั้งหมดไม่ได้ รัฐบาลพยายามรักษาความมีเสถียรภาพ ทั้งของรัฐบาลและประเทศให้เกิดความสงบเรียบร้อย” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนความคืบหน้าการเจรจาความตกลงพันธมิตรทางการค้าระดับภูมิภาค (RCEP) นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะมีการลงนามความร่วมมือต่างๆ ให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ ที่เวียดนามเป็นเจ้าภาพการประชุมอาเซียน โดยหวังว่าจะได้รับความร่วมมือที่ดี เพื่อมุ่งสู่การค้าเสรีพหุภาคี ที่นับวันมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น มากกว่าการค้าทวิภาคี
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมยังได้สั่งการให้ปรับปรุงการทำงานของระบบราชการ ให้เป็นแบบ new normal โดยต้องปรับทั้งองค์กร บุคลากร วิธีการทำงาน ลดอุปสรรคการทำงานให้เร็วขึ้น ภายใต้กฏหมายที่มีอยู่ เพื่ออำนวยการทำงานให้เดินหน้าไปได้ด้วยดี
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้เน้นย้ำการดูแลสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และสังคมผู้สูงวัย โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำแผนรองรับการประเมินประชากรในภาคส่วนต่างๆ ทั้งแรงงานและเด็กในอนาคต รวมถึง ในปี 2564-2565 ไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมกรอบความร่วมมือทางวิชาการและเศรษฐกิจระหว่างประเทศเอเชียใต้ (BIMSTEC) และการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ดังนั้น จึงต้องการให้ทุกคนช่วยกันดึงศักยภาพในประเทศออกมา สิ่งใดที่พอพูดคุยกันได้ ก็ต้องการให้เดินหน้า ไม่ต้องการให้เหนี่ยวรั้งประเทศไว้ที่เดิม หากผ่อนคลายกันได้ ก็ต้องการจะขอร้องไว้
นายกรัฐมนตรี ขอบคุณเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ ที่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ได้ช่วยเหลือนำคนไทยกลับบ้าน และดูแลผู้ที่ยังตกค้างในต่างประเทศอย่างใกล้ชิด ถือว่าทุกคนไม่ทิ้งกัน ส่วนในประเทศก็มีการผ่อนคลายในระยะที่ 6 เตรียมการเปิดโรงงาน และเตรียมการรับแรงงานต่างด้าว ที่ต้องมีมาตรฐานด้านสาธารณสุข จะเป็นการรับคน แต่ไม่รับโรคโควิด-19 เข้าประเทศ ดังนั้น ต้องช่วยกัน หากพบสิ่งใดไม่ถูกต้อง ให้ติดตามปรับแก้ไขไปตามมาตรการที่รัฐบาลวางไว้ ทั้งหมดนี้ถือเป็นการทำงานแบบ new normal
นายกรัฐมนตรี ยังต้องการให้ทุกคนมองถึงการทำงานใน 5 ปีที่ผ่านมา และ 1 ปีของรัฐบาลชุดนี้ ว่ามีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง จะต้องมีการปรับเปลี่ยนและแก้ไขปัญหาตามสถานการณ์ และดำเนินการตามแผนแม่บทในระยะที่กำหนดไว้ โดยบางแผนงานอาจจะสำเร็จ หรือบางแผนงานต้องดำเนินการต่อตามกรอบงบประมาณ แต่สิ่งสำคัญคือ การดำเนินโครงการต่างๆ ประชาชนต้องยอมรับและพัฒนาในพื้นที่ โดยเฉพาะสถานการณ์เช่นนี้ ต้องเกิดการจ้างงานในพื้นที่ให้มากที่สุด แต่ทั้งนี้ทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือกัน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ .- สำนักข่าวไทย