สำนักงานป.ป.ช. 22 ก.ค.- มติ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด “น.ส.ยิ่งลักษณ์ -สุรนันท์ – นิวัฒน์ธำรง” และสื่อ 2 ค่าย อนุมัติโครงการโรดโชว์ โครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคม โดยมิชอบ วงเงิน 240 ล้านบาท ส่งเรื่องให้ อสส. ฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับพวก อนุมัติและดำเนินโครงการโรดโชว์ สร้างอนาคตไทย Thailand 2020 โดยมิชอบ โดย ป.ป.ช.พิจารณาสำนวนไต่สวนแล้ว พบว่าการกระทำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล และนายสุรนันท์ เวชชาชีวะ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และ 157 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ.2554 มาตรา 123 /1 ประกอบ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 192 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12 และ 13 และการกระทำของบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) และนายฐากูร บุนปาน บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) และนายระวิ โหลทอง มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน โดยให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการโรดโชว์ สร้างอนาคตไทย Thailand 2020 เป็นแผนจัดโรดโชว์ใน 12 จังหวัด ๆ ละ 20 ล้านบาท รวม 240 ล้านบาท เป็นแผนในการจัดนิทรรศการสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน ถึงการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งทางราง ระบบรถไฟฟ้าทางคู่เชื่อมชานเมืองและหัวเมือง ศึกษาและพัฒนารถไฟความเร็วสูง หรือ ร่าง พ.ร.บ.สองล้านล้านบาท โดยมีบริษัท มติชน เป็นแม่งานหลักในการคิดรูปแบบการจัดงาน ทั้งที่ยังไม่มีกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบ และเมื่อตรวจสอบงบประมาณปี 2556 ก็ไม่ได้ระบุแผนงาน โครงการดังกล่าวไว้ ประกอบกับงบประมาณปี 2557 ประกาศใช้ไม่ทัน 1 ตุลาคม 2556 แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ได้อนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินและจำเป็น วงเงิน 40 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายในโครงการโรดโชว์ และเห็นชอบให้จัดโครงการใน 2 จังหวัดก่อน คือ หนองคายและนครราชสีมา ทั้งที่สถานการณ์ในขณะนั้นหลายฝ่ายออกมาทักทวงว่าร่างพระราชบัญญัติสองล้านล้านบาท อาจขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และมีการเตรียมยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย
อีกทั้งการจัดงานดังกล่าวยังซ้ำซ้อนกับงานนิทรรศการที่กระทรวงคมนาคมได้จัดไปก่อนแล้ว ประกอบกับไม่ปรากฏข้อเท็จจริงใดว่า หากไม่ดำเนินการโครงการโรดโชว์ ในขณะนั้นแล้วทางราชการหรือประชาชนจะได้รับความเสียหายแต่อย่างใด สถานการณ์ในขณะนั้นจึงยังไม่มีเหตุผลความจำเป็นเร่งด่วนที่จะออกไปโรดโชว์ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ประกอบกับในการจัดซื้อจัดจ้าง มีการดำเนินการทั้งที่สำนักงบประมาณ ยังไม่ได้แจ้งใบงวด ทำให้ยังไม่สามารถจัดซื้อจัดจ้างได้ และพบว่าการลงนามในหนังสือสั่งจ้างได้กระทำไปก่อนที่ได้รับเงินประจำงวดจากสำนักงบประมาณ ทั้งที่ส่วนราชการทราบดีว่าการลงนามในหนังสือสั่งจ้างได้ ก็ต่อเมื่อสำนักงบประมาณ ได้แจ้งจัดสรรเงินงบประมาณมาให้แล้วเท่านั้น
ซึ่งต่อมาศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่าร่างพ.ร.บ.สองล้านล้านบาท ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ และตราขึ้นโดยมิใช่กรณีจำเป็นเร่งด่วน มีผลให้ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นอันตกไป ส่งผลให้โครงการต่าง ๆ ตามที่ได้ออกไปโรดโชว์ไม่ได้เกิดขึ้นจริงแต่อย่างใด การใช้งบประมาณในโครงการโรดโชว์ จำนวน 240 ล้านบาท จึงเกิดความสูญเปล่า เป็นเหตุให้ทางราชการได้รับความเสียหาย.-สำนักข่าวไทย