กรุงเทพฯ 22 ก.ค.-“สมชัย” เตรียมบุก กกต.ให้ตรวจสอบ “พ.ต.อ.จรุงวิทย์” ผิดจรรยาบรรณ ยอกย้อนกระบวนการตรวจสอบทุจริตเลือกตั้งเขต 4 ลำปาง จนเป็นเหตุให้ กกต.ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเที่ยงธรรม รับรองผลการเลือกตั้งไปโดยไม่เที่ยงธรรม
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ประชุม กกต.พิจารณารับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.เขต 4 ลำปาง หลังจากที่ กกต.จะเชิญนายสมชัย ที่ระบุว่ามีข้อมูลและหลังฐานการทุจริตการเลือกตั้ง และพร้อมมาให้การ หลังได้รับการประสานตามมติ กกต. โดยตั้งข้อสังเกตว่าทำไม กกต.เร่งพิจารณารับรองแทนที่สำนักงานจะประสานงานติดต่อให้ไปให้ปากคำ สามารถดำเนินการได้โดยไม่ยาก โดยใช้โทรศัพท์ติดต่อเชิญมาให้ปากคำที่ส่วนกลาง ซึ่งทำได้ทันที สำนักงานกลับเลือกใช้วิธีการส่งจดหมายไปถึงสำนักงาน กกต.ที่จังหวัดลำปาง โดยไม่คำนึงว่าจะต้องมีภาระในการออกค่าใช้จ่ายเดินทางกว่า 7,000 บาทด้วยตนเอง และมีอุปสรรคในการออกนอกพื้นที่ อาจต้องถูกมาตรการกักกันตนเอง ทั้งไปและกลับถึง 28 วัน
“หลัง กกต.มีมติเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม และกว่าจดหมายจะไปถึงสำนักงาน กกต.จังหวัดลำปางก็วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม สำนักงาน กกต.ลำปาง ใช้วิธีการส่งจดหมายเชิญให้ไปให้ปากคำที่สำนักงาน กกต.ลำปาง โดยออกจดหมายในวันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม ส่งทางไปรษณีย์ จนบัดนี้วันพุธที่ 22 กรกฎาคม เวลา 09.00 น. จดหมายยังมาไม่ถึง การดำเนินการทางธุรการที่ล่าช้า ยอกย้อน และมอบหมายให้สำนักงาน กกต.ลำปาง เป็นผู้ดำเนินการสอบถามข้อเท็จจริงจากผม ทั้ง ๆ ที่สามารถประสานทางโทรศัพท์และให้ผมไปให้ข้อเท็จจริงที่ กกต.กลาง ตั้งแต่วันพุธที่ 15 กรกฎาคมได้ แต่สำนักงาน กกต.โดยการบริหารของเลขาธิการ กกต.กลับไม่ดำเนินการ ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ว่าการประชุม กกต.ในวันอังคารที่ 21 กรกฎาคม จะมีวาระการรับรองผลการเลือกตั้งที่เสนอโดยสำนักงาน กกต.เอง การปฏิบัติหน้าที่ของเลขาธิการ กกต.จึงเข้าข่ายการผิดจรรยาบรรณของผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญในองค์กรอิสระ ที่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการอย่างเต็มกำลังความสามารถ ข้อ 21 และไม่ปฏิบัติต่อประชาชนด้วยความเต็มใจ รวดเร็ว ถูกต้อง โปร่งใส ปราศจากอคติ ข้อ 23” นายสมชัย กล่าว
นายสมชัย กล่าวด้วยว่า ในวันพรุ่งนี้ (23 ก.ค.) จะนำหลักฐานการปฏิบัติงานที่ล่าช้าจนเป็นเหตุให้ กกต.ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเที่ยงธรรมไปยื่นต่อ กกต. ที่ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ เพื่อให้ กกต.ดำเนินการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปฏิบัติงานที่บกพร่องดังกล่าว และใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาประเมินผลการปฏิบัติงานของเลขาธิการ กกต.ในการต่อสัญญาจ้างในแต่ละปี.-สำนักข่าวไทย