กรุงเทพ 29 พ.ย. – ปี2560 บริษัทน้ำมันที่รัฐบาลถือหุ้น ทั้ง บมจ.ปตท. และ บมจ.บางจากฯ ทยอยแยกค้าปลีก ออกเป็นบริษัทระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อความคล่องตัวทางธุรกิจ และรัฐจะได้ภาษีเพิ่มจากการโอนสินทรัพย์
นายพงษ์ชัย ชัยจิรวิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจการตลาด บมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) กล่าวว่า บริษัทมีแผนที่จะนำบริษัท บางจากรีเทล จำกัด (BCR) บริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจนอนออยล์ หรือธุรกิจค้าปลีกที่ไม่ใช่น้ำมันเข้ากระจายหุ้นในอีก 4-5 ปีข้างหน้า เพื่อความคล่องตัวรองรับการขยายงาน โดยตั้งเป้าหมายขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน CLMV โดยและล่าสุดเพิ่งได้สิทธิมาสเตอร์แฟรนไชส์ ของ SPAR ซูเปอร์มาร์เกตจากเนเธอร์แลนด์ ซึ่งตามเป้าหมายมีแผนจะขยายเป็นระดับ 300 สาขา ภายในปี 63 รวมถึงโอกาสการขยายไปยังประเทศเพื่อนบ้านด้วย ซึ่ง ธุรกิจของ BCR จะมีทั้งอยู่ในสถานีบริการน้ำมันและแยกออกมาเป็นสถานที่เดี่ยวๆ(STAND ALONE ) ขายเป็นแฟรนส์ไชส์
“บางจากฯได้ทยอยโอนทรัพย์สินธุรกิจนอนออยล์ ไปยัง BCR เช่น ร้านกาแฟอินทนิล เกือบ 400 สาขา ,ร้าน Lemon Kitchen จำนวน 4-5 สาขา ขณะที่ SPAR ได้ดำเนินการภายใต้ BCR อยู่แล้ว โดย BCR เพิ่งจะจัดตั้งในปีนี้เป็นปีแรก ซึ่ง SPAR จะมีการลงทุน 3 พันล้านบาท ใน 5 ปีจำนวน 300 แห่ง ” นายพงษ์ชัย กล่าว
นายพงษ์ชัย กล่าวด้วยว่า สำหรับแผนงานในเบื้องต้นของธุรกิจค้าปลีก ของบางจากฯนั้น ในปี 60 คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 3.6 พันล้านบาท เพื่อใช้รองรับการเปิดสถานีบริการน้ำมัน 60 แห่ง ราว 3 พันล้านบาท โดยเฉพาะจะเปิดสถานีบริการน้ำมันในรูปแบบใหม่ Greenovative Experienceอีก 4-5 แห่ง โดยใช้เงินลงทุนราว 80-90 ล้านบาท/แห่ง ประกอบด้วยกระบวนการ 4R ได้แก่ Renewable Recycle Reuse และ Reduce ได้แก่ การติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป เพื่อผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ สถานี EV Charger สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น ส่วนเงินลงทุนส่วนที่เหลืออีก 600 ล้านบาท จะใช้รองรับการทยอยเปิดร้าน SPAR
นางศรีวรรณ เอี่ยมรุ่งโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลยุทธ์องค์กร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในแผนแยกกลุ่มบริษัทค้าปลีกของ ปตท. จะมีทั้งปั๊มน้ำมันและนอนออยล์ ซึ่งจะทำให้รัฐได้ภาษีการโอนบริษัท และหากกระจายหุ้นตามแผน รัฐก็จะได้รายได้เพิ่มขึ้นด้วยจากการคล่องตัวการดำเนินธุรกิจ ส่วน คลังนำเข้าแอลพีจี เขาบอยา จ.ชลบุรี ส่วนขยายที่ไม่ได้โอนแยกไปอยู่ธุรกิจค้าปลีกนั้น เป็นการลงทุนของ ปตท.ที่ดำเนินการตามนโยบายของรัฐ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน เหมือนกับ คลังนำเข้าแอลเอ็นจีและท่อก๊าซธรรมชาติ ซึ่งคลังแอลพีจีลงทุนประมาณ 9,000 ล้านบาท โดยยอมรับว่า ผลตอบแทนการลงทุนนั้นจะต้องดูเฉลี่ย 40 ปี และกระทรวงพลังงานได้กำหนดชัดเจนให้ผู้อื่นเข้ามาใช้คลังในรูปแบบ บุคคลที่3 หรือ THIRD PARTY ACCESS – สำนักข่าวไทย