ฮ่องกง 21 ก.ค.- ผู้เชี่ยวชาญในฮ่องกงระบุว่า โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ระบาดรอบสามเพราะรัฐบาลมีช่องโหว่ด้านนโยบายในการกักตัวดูอาการแม่บ้านต่างชาติที่กลับมาทำงานและลูกเรือทางเรือและอากาศที่มาแวะฮ่องกง รวมถึงการที่ประชาชนวางใจเกินไป
ผู้เชี่ยวชาญเผยกับเว็บไซต์เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์ว่า กลุ่มที่ถูกมองข้ามอาจเป็นต้นเหตุที่ทำให้โรคโควิด-19 ระบาดรอบสาม พบเพราะว่าการติดเชื้อที่มาจากต่างประเทศร้อยละ 30 มาจากลูกเรือทางเรือหรือทางอากาศ และร้อยละ 25 มาจากแม่บ้านต่างชาติ ช่องโหว่เรื่องมาตรการควบคุมพรมแดน ประกอบกับรัฐบาลรับมือล่าช้าและประชาชนวางใจเกินไป ทำให้เกิดการระบาดมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยเมื่อวันอาทิตย์มีผู้ป่วยใหม่ถึง 100 คน มากกว่าช่วงเดือนมีนาคมที่มีการระบาดหนักระลอกสองและมีผู้ป่วยใหม่รายวัน 65 คน ยอดผู้ป่วยสะสมขณะนี้อยู่ที่ 1,958 คน แซงหน้ายอดผู้ป่วยเมื่อครั้งโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงหรือซาร์สระบาดในปี 2546
การระบาดระลอกสามในฮ่องกงเกิดขึ้นในวันที่ 5 กรกฎาคม เริ่มจากพ่อครัวในร้านอาหารท้องถิ่นติดเชื้อ จากนั้นลามไปยังบ้านพักคนชรา และย่านที่พักอาศัยฉือหว่านซานบนฝั่งเกาลูน โรงพยาบาลรัฐใกล้ถึงจุดตึงตัวแล้ว อัตราผู้ป่วยนอนเตียงแยกโรคและพักในอาคารแยกโรคอยู่ที่ร้อยละ 71 และ 77 ตามลำดับ ศูนย์กักกันโรค 1,450 แห่งเหลือที่ว่างเพียง 196 แห่งเท่านั้น รัฐบาลสั่งให้ข้าราชการทำงานจากบ้านตั้งแต่วันจันทร์ ยกเว้นหน่วยงานฉุกเฉินและบริการสาธารณะที่จำเป็น ขยายห้ามคำสั่งห้ามรับประทานอาหารในร้านตั้งแต่เวลา 18.00-05.00 น.ไปอีกหนึ่งสัปดาห์จนถึงวันที่ 28 กรกฎาคม บังคับสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่สาธารณะแบบปิด ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า รัฐบาลเพิ่งมาเข้มงวดพรมแดนและกำหนดให้ลูกเรือต้องตรวจหาเชื้อก่อนเข้าฮ่องกงเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ถือว่าช้าเกินไป.- สำนักข่าวไทย