อวสาน 70 ปีองค์การค้าของ สกสค. จากธุรกิจผูกขาด สู่การแบกหนี้ 6,000 ล้าน !!

Exclusive Online | สำนักข่าวไทย 
1 ก.ค.63.-  ธุรกิจหลักขององค์การค้าฯ มี 2 ด้าน คือ ร้านศึกษาภัณฑ์พาณิชย์และโรงพิมพ์คุรุสภา ซึ่งตั้งแต่ปี 2507 มีมติ ครม.และหนังสือคำสั่งจากกระทรวงศึกษาธิการ ให้การจัดพิมพ์หนังสือเรียนทั้งหมด ต้องว่าจ้างโรงพิมพ์ของกระทรวงฯ ดำเนินการเท่านั้น  หากโรงพิมพ์ของกระทรวงฯ ไม่สามารถจัดพิมพ์ได้ จึงจะให้โรงพิมพ์ของหน่วยราชการอื่นจัดพิมพ์แทน  และหากโรงพิมพ์ของส่วนราชการอื่นทำไม่ได้ ค่อยว่าจ้างเอกชน (อ่านข่าว : เลิกจ้างฟ้าผ่า! พนักงานองค์การค้าของ สกสค.เกือบพันคน)
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โรงพิมพ์คุรุสภา จึงทำธุรกิจผูกขาดในการพิมพ์ตำราเรียนของกระทรวงศึกษาธิการ และมีกำไรมาอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม พันธกิจหลักขององค์การค้าฯ มิได้จัดตั้งขึ้นเพื่อแสวงหากำไร แต่เพื่อให้การจัดทำหนังสือเรียนและอุปกรณ์การศึกษาต่าง ๆ มีคุณภาพ มาตรฐาน และรักษาระดับราคาที่เป็นธรรม ไม่เป็นภาระต่อพ่อแม่ผู้ปกครองมากเกินไป  โดยกระทรวงศึกษาธิการจะเป็นผู้ควบคุม และกำหนดราคาจำหน่ายให้องค์การค้าฯ
การแข่งขันเสรี…จุดเริ่มต้นปัญหาองค์การค้าฯ??
จากนโยบายที่ให้โรงเรียนทุกแห่งต้องใช้ตำราเรียนของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเกือบทั้งหมดจัดพิมพ์โดยโรงพิมพ์ขององค์การค้าฯ เท่านั้น ถึงปี 2542 นโยบายของภาครัฐได้หันมาส่งเสริมให้ธุรกิจทุกประเภทแข่งขันกันอย่างเสรี รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา โดยกำหนดให้สถานศึกษาแต่ละแห่ง สามารถเลือกใช้หนังสือเรียนจากสำนักพิมพ์เอกชนได้  ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการจะประกาศรายชื่อหนังสือและสื่อการเรียนต่าง ๆ ในเว็บไซต์ให้สถานศึกษาเลือกเองตามรายชื่อที่ประกาศ นโยบายดังกล่าวได้กลายเป็นจุดสิ้นสุดการทำธุรกิจผูกขาดของโรงพิมพ์องค์การค้าฯ ไปโดยปริยาย
ในเวลาเดียวกัน โครงสร้างองค์กรที่ค่อนข้างใหญ่โตอุ้ยอ้าย และมีพนักงานจำนวนมากที่อายุงานยาวนานนับสิบปี บวกกับภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น  แต่องค์การค้าฯ ยังต้องปฏิบัติตามพันธกิจหลัก คือการรักษาระดับราคาหนังสือและอุปกรณ์การเรียนโดยไม่สามารถปรับขึ้นราคาได้ต่อเนื่องยาวนานกว่า 10 ปี ผลประกอบการขององค์การค้าฯ เริ่มขาดทุน บวกกับภาระหนี้สินสะสมพอกพูนเรื่อยมา
พิมพ์ตำราเรียนไม่ทัน…ดาบสองฟันซ้ำ
คงไม่อาจกล่าวโทษความล่าช้าในการทำงาน ว่าเป็นความผิดขององค์การค้าฯ โดยตรง เพราะปัญหาการจัดพิมพ์ตำราเรียนไม่ทันในปี 2560  ส่วนหนึ่งเกิดจากความล่าช้าของงบประมาณด้านการศึกษาในปีนั้น  ขณะเดียวกันก็มีการกล่าวโทษกันไปมาระหว่างหน่วยงานต้นสังกัดที่เขียนตำรา กับองค์การค้าฯ ว่ามีปัญหาเรื่องการส่งต้นฉบับล่าช้า  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในสมัยนั้น จึงตัดสินใจให้โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยมาร่วมจัดพิมพ์หนังสือเรียนบางส่วนแทน  ในช่วงเวลานั้นโรงพิมพ์จุฬาฯ ยังสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ  จึงสามารถจัดพิมพ์หนังสือเรียนได้โดยไม่ขัดต่อมติ ครม.เดิม
แต่ผ่านมาอีก 2 ปี ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2562 มีการตั้งกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ขึ้น และจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย รวมถึงโรงพิมพ์จุฬาฯ ก็ได้ย้ายไปสังกัดกระทรวงใหม่  แต่ยังคงได้รับสิทธิ์ในการพิมพ์ตำราเรียนของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เพิ่มขึ้นอีก  ทำให้องค์การค้าฯ ขาดรายได้เป็นมูลค่าถึงกว่า 600 ล้านบาท  ซึ่งธุรกิจโรงพิมพ์โดยเฉพาะการพิมพ์ตำราเรียน ถือเป็นรายได้หลักขององค์การค้าฯ มายาวนานตลอด 70 ปี
นอกจากข้อวิจารณ์เรื่องการด้อยประสิทธิภาพในการบริหารงาน  ปัญหาผลประโยชน์ที่ถูกซุกซ่อนอยู่ใต้พรม  และการถูกการเมืองเข้าแทรกแซงแล้ว  ดาบสองเล่มที่ฟาดฟันใส่องค์การค้าฯ ก็คือ การเปิดเสรีธุรกิจในปี 2542  ที่นำไปสู่จุดสิ้นสุดการผูกขาดการพิมพ์ตำราเรียนขององค์การค้าฯ  และการโอนสิทธิ์การพิมพ์หนังสือเรียนจากโรงพิมพ์องค์การค้าฯ ไปให้โรงพิมพ์จุฬาฯ นี่เอง
แม้วันนี้ องค์การค้าของ สกสค. ซึ่งจัดตั้งขึ้นเมื่อ 1 เมษายน 2493 ตามพระราชบัญญัติครู พ.ศ. 2488 ในชื่อ “องค์การค้าของคุรุสภา” เดิม จะยังมีชีวิตอยู่ด้วยลมหายใจที่รวยริน  แต่ที่ดูเหมือนกำลังจะหมดลมหายใจลงแล้ว คือ พนักงานเจ้าหน้าที่ 961 คน ที่ถูกคำสั่งเลิกจ้างแบบฟ้าผ่าเมื่อวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สามีเข้าเกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาดับ

สลด! สามีขับรถใส่เกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาเสียชีวิตในบ้านพักย่านวิภาวดี ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การเบื้องต้น นำตัวสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

คุมฝากขัง “เอ็ม เอกชาติ” เจ้าตัวปิดปากเงียบ

ตร.ไซเบอร์คุมตัว “เอ็ม เอกชาติ” ฝากขัง เจ้าตัวปิดปากเงียบ ไม่ตอบคำถามสื่อ ด้านตำรวจพบเส้นทางการเงินจากเว็บพนัน กว่า 30 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ช่วยผู้รอดชีวิตรายแรก เหตุตึก สตง.แห่งใหม่ ถล่ม

กทม. 28 มี.ค. – ช่วยได้แล้ว 1 ราย ผู้ที่ติดอยู่ใต้ซากอาคาร สตง.แห่งใหม่ พังถล่ม เป็นคนงานที่ติดอยู่ในช่องลิฟต์ เร่งนำส่ง รพ. อัปเดตตัวเลขผู้เสียชีวิต ณ เวลา 19.25 น. เพิ่มขึ้นเป็น 4 ราย บาดเจ็บ 9 ราย สูญหาย 117 ราย .-สำนักข่าวไทย

ระดมค้นหา 94 ชีวิต เหตุตึกถล่มย่านจตุจักร

เกาะติดเหตุอาคาร สตง.แห่งใหม่ พังถล่มจากแผ่นดินไหว จนท.ยังคงเร่งค้นหาผู้รอดชีวิต ตัวเลข ปภ. คาดมีคนงานติดอยู่ในซาก 94 ราย ยังไม่สามารถติดต่อได้ ขณะที่ยืนยันผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 3 ราย ด้านนายกฯ ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ก่อนเดินทางไปยังศูนย์บัญชาการแผ่นดินไหว กทม.

กรมอุตุฯ เฝ้าระวังอาฟเตอร์ช็อก เขย่าแล้ว 21 ครั้ง

กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานอาฟเตอร์ช็อกแล้ว 21 ครั้ง นักวิชาการระบุ พลังงานของแผ่นดินไหวลดลงตามลำดับ แต่ที่น่าห่วงคือ โครงสร้างของอาคารต่างๆ โดยเฉพาะอาคารสูงในกรุงเทพฯ ซึ่งตั้งอยู่บนชั้นดินอ่อน ต้องมีการตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรง

นายกฯ ยันไม่เกิดสึนามิแน่ เหตุเป็นแผ่นดินไหวบนบก

นายกฯ เผยสถานการณ์แผ่นดินไหวคลี่คลาย ประชาชนกลับเข้าที่พัก-อาคารสูงได้ พร้อมเปิดพื้นที่สวนสาธารณะให้อยู่ ขณะรถไฟฟ้าเปิดให้ บริการอีกครั้งวันพรุ่งนี้ สั่งเร่งทยอยนำคนออกจากตึกถล่ม จตุจักร ก่อนลงพื้นที่ด่วน ยันไม่เกิดสึนามิแน่ เหตุเป็นแผ่นดินไหวบนบก